วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

โสมแดงขยับขั้น "ท้ารบ" • กลยุทธ์จริงหรือแค่ลวง?

• โสมแดงขยับขั้น "ท้ารบ" • กลยุทธ์จริงหรือแค่ลวง?
Pic_335748 • วางแผน–สำนักข่าวเคซีเอ็นเอแพร่ภาพนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และเหล่านายทหาร ร่วมวางแผนโจมตีสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่ศูนย์บัญชาการทหารสูงสุด แต่ไม่เปิดเผยสถานที่ (เอเอฟพี)

ใคร ที่ติดตามสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีใกล้ชิด คงรู้ว่าช่วงนี้เดือดปุดๆผิดปกติ เพราะท่าทีของ “โสมแดง” เกาหลีเหนือ ภายใต้การนำของนายคิม จอง อึน ผู้นำหนุ่มห้าว แข็งกร้าวชนิดไม่เคยปรากฏมาก่อน

เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการ ทดลองจรวดพิสัยไกลเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว และทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา จนถูกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) คว่ำบาตรหนักยิ่งขึ้น โดยมติคว่ำบาตรมีสหรัฐฯ และพันธมิตร รวมทั้งเกาหลีใต้ “ศัตรูร่วมสายเลือด” เป็นผู้ผลักดัน สร้างความโกรธเกรี้ยวให้โสมแดงสุดๆ

โสมแดงยิ่งฉุนขาด เมื่อสหรัฐฯ และ “โสมขาว” ร่วมซ้อมรบใหญ่ประจำปีในเดือนนี้ ภายใต้รหัส “โฟล อีเกิ้ล” (ลูกพญาอินทรี) โดยมีทหารอเมริกันและเกาหลีใต้กว่า 40,000 นาย และอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำยุคเข้าร่วมมโหฬารบานตะไท!

ทั้งเครื่องบินทิ้ง ระเบิดล่องหน (สเตลธ์) รุ่น “บี–2 สปิริต” สุดล้ำยุค เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ “บี-52” ฝูงเครื่องบินขับไล่ ไปจนถึงเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ อันทรงประสิทธิภาพที่สุดของโลก

สหรัฐฯ ยืนยันว่า การซ้อมรบอันแสนเกรียงไกรปีนี้ มีเป้าหมายเพื่อรับประกันให้เกาหลีใต้อุ่นใจว่าจะได้รับการปกป้องคุ้ม ครองอย่างเต็มที่ เป็นยุทธการเชิง “ป้องกัน” ไม่ใช่เพื่อ “รุกราน” เกาหลีเหนือ

แต่โสมแดงอาจ “ตีความ” การซ้อมรบแตกต่างออกไป โดยกล่าวหาว่าเป็นข้ออ้างของศัตรูเพื่อเตรียมพร้อมโจมตีเกาหลีเหนือแบบฉับ พลัน ปฏิกิริยาตอบโต้จากรัฐบาลเปียงยางจึงกราดเกรี้ยวอย่างยิ่ง

แม้โสมแดงยังใช้วิธีเดิมๆ คือระดมเอาคำข่มขู่ประดามีออกมาตอบโต้ แต่น่าสังเกตว่าคำขู่มีความเข้มข้นรุนแรงและเฉพาะเจาะจงกว่า

ทุก ครั้งในอดีต โดยเฉพาะคำขู่ที่ว่าขอสงวนสิทธิ์ชิงโจมตีก่อนในสงครามนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ยังมี “การกระทำ” ควบคู่กันไปด้วย

ในช่วง 1 เดือนหลัง เกาหลีเหนือประกาศล้มเลิกข้อตกลงสงบศึกซึ่งทำให้สงครามเกาหลี

ยุติ ในปี 2496 สั่งหน่วยปืนใหญ่เตรียมพร้อมทำสงคราม เล็งเป้าไปที่เกาหลีใต้และฐานทัพของสหรัฐฯ ที่เกาะกวมและฮาวาย เผยแพร่วีดิโอจำลองเหตุการณ์โจมตีสหรัฐฯ และเกาหลีใต้หลายครั้ง

ล่า สุดก็สั่งระดมจรวดเชิงยุทธศาสตร์เตรียมพร้อมโจมตีเกาหลีใต้ แผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ และฐานทัพสหรัฐฯ ในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ นำบี-2 มาบินยั่วยุ

เกาหลีเหนือยังตัดการสื่อสารสายตรง หรือ “ฮอตไลน์” ฉุกเฉินทั้งหมดกับเกาหลีใต้ รวมทั้งที่หมู่บ้านปันมุนจอม เส้นแบ่งพรมแดน และตัดฮอตไลน์ทางทหารสายสุดท้าย ซึ่งเป็นช่องทางรับคนเกาหลีใต้เดินทางเข้าไปทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมแคซอง ธุรกิจร่วมทุนของโสมแดง-โสมขาว ซึ่งมีมูลค่าการค้ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า เกาหลีเหนือจะไม่เปิดฉากทำสงครามเต็มรูปแบบในระยะเวลาอันใกล้ แต่การใช้ท่าทีแข็งกร้าวก็เพียงเพื่อ “สร้างภาพ” อวดประชาชนและกองทัพ เพื่อสร้างกระแสรักชาติ

ซ้อมรบ-ขบวนรถถังของเกาหลีใต้แล่นบนถนนใกล้สมรภูมิซ้อมรบที่เมืองปาจู ริมพรมแดนเกาหลีเหนือและใต้ ในปฏิบัติการซ้อมรบ
ซ้อม รบ-ขบวนรถถังของเกาหลีใต้แล่นบนถนนใกล้สมรภูมิซ้อมรบที่เมืองปาจู ริมพรมแดนเกาหลีเหนือและใต้ ในปฏิบัติการซ้อมรบ "ลูกพญาอินทรี" ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวของโสมแดง (เอเอฟพี)
การสร้างภาพลักษณ์หาญ กล้าท้าชนศัตรูตัวเอ้อย่างไม่ยี่หระ จะช่วยเพิ่มพูนฐานอำนาจทางการเมืองและการทหารให้คิม จอง อึน ซึ่งถูกบิดาชูขึ้นมาเป็นผู้นำขณะยังด้อยวัยวุฒิและคุณวุฒิได้เป็นอย่างดี

เกาหลี เหนือยังสำนึกตัวดีว่า แสนยานุภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ยังห่างชั้นกับสหรัฐฯ ชนิดมวยคนละรุ่น เพราะแม้จะทดลองจรวดพิสัยไกลและระเบิดนิวเคลียร์คืบหน้า แต่ยังมีเทคโนโลยีไม่สูงพอที่จะผลิตหัวรบนิวเคลียร์ขนาดเล็กสำหรับติดตั้ง ขีปนาวุธ และผลิตขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีระบบนำส่งหัวรบนิวเคลียร์ได้

เป็น ไปได้เช่นกันว่าโสมแดงเล่นไม้แข็งเพื่อหวังสร้างอำนาจต่อรองให้สหรัฐฯ ยอมเจรจากับตนโดยตรง อีกทั้งกดดันให้เกาหลีใต้ลดท่าทีแข็งกร้าวลง หลังรัฐบาลของนางปาร์ค กึน เฮ ประธานาธิบดีหญิงคนใหม่ประกาศจะตอบโต้การยั่วยุทุกรูปแบบ รวมทั้งโจมตีศูนย์บัญชาการทหารของโสมแดง

แต่ถึงกระนั้น ยังมีนักวิเคราะห์อีกกลุ่มเตือนว่า สงครามมีโอกาสปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะ “กระบวนทัศน์” ของเหล่าผู้นำโสมแดง ซึ่งยึดมั่นนโยบาย “จูเช” หรือ “กองทัพต้องมาก่อน” นั้น แตกต่างจากโลกตะวันตกมากจนยากจะเข้าใจ โดยอาจคิดว่าการซ้อมรบสหรัฐฯ -เกาหลีใต้ซึ่งไม่ธรรมดาครั้งนี้ คือการปูทางเพื่อโจมตีตนก่อนจริงๆ จึงมีความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย และมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโค่นล้ม...การชิงโจมตีศัตรูก่อนน่าจะดีกว่า

ปัจจัย ที่น่ากลัวอีกอย่างก็คือ “การคิดคำนวณผิดพลาด” ของทั้งสองฝ่าย เพราะเกาหลีเหนือไม่มีช่องทางสื่อสารโดยตรงกับสหรัฐฯ ยิ่งตอนนี้ ตัด “ฮอตไลน์” ทั้งหมดกับเกาหลีใต้ด้วยแล้ว การสื่อสารจึงมืดบอดสนิท แค่เกิดการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย หรือเกิดกรณี “น้ำผึ้งหยดเดียว” ขึ้น อาจลุกลามบานปลายเป็นสงครามใหญ่

ดังนั้น...เพื่อป้องกันความผิดพลาด สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ควรหาวิธีเปิดช่องทางสื่อสารโดยตรงกับเกาหลีเหนือโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้น มหันตภัยใหญ่หลวงอาจอุบัติโดยไม่คาดหมาย...

ถึงเมื่อนั้นได้บรรลัยวายวอดกันทั้งหมด!

บวร โทศรีแก้ว

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น