วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คิม จอง อึน" ผู้นำเกาหลีเหนือ สั่งประหารชีวิตอาเขยของตัวเอง ในข้อหาทรยศ



'คิมจองอึน'สั่งประหารชีวิตอาเขย

"คิม จอง อึน" ผู้นำเกาหลีเหนือ สั่งประหารชีวิตอาเขยของตัวเอง ในข้อหาทรยศและยัดเยียดความผิดว่าพยายามช่วงชิงอำนาจ




          วันที่ 13 ธ.ค.56  สำนักข่าวกลางของเกาหลีเหนือ หรือ KCNA รายงานว่า นายชาง ซอง แต็ก อาเขยของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับการพิจารณาว่า เป็นบุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศที่เร้นลับแห่งนี้ ได้ถูกประหารชีวิตในข้อหาเป็นผู้ทรยศ ที่นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่การถึงแก่อสัญกรรมของนายคิม จอง-อิล บิดาของนายคิม จอง-อึน เมื่อ 2 ปีก่อน

          KCNA ระบุว่า นางชาง ถูกประหารชีวิตเมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากศาลทหารพิเศษ ตัดสินว่าเขามีความผิดในข้อหาทรยศ ซึ่งเป็นเวลาเพียงไม่กี่วัน หลังถูกถอดออกจากทุกตำแหน่งและยังถูกขับออกจากพรรคกรรมกรอีกด้วย  ข่าวการประหารชีวิต มีขึ้นหลังมีรายงานข่าวที่ไม่มีการยืนยันของสื่อแพร่สะพัดก่อนหน้านี้ว่า มีคนใกล้ชิดของนายชางหนึ่งคน หรือมากกว่านั้นแปรพักตร์ไปยังเกาหลีใต้ แต่หน่วยข่าวกรองของเกาหลีใต้ ระบุว่า ไม่ทราบเรื่องนี้แต่อย่างใด

          การเมืองเกาหลีเหนือ ไม่เป็นที่ยอมรับจากภายนอกอยู่แล้ว และเหตุผลของเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ เกี่ยวกับการทะเลาะเบาะแว้งกันเองระหว่างนายคิมกับอาเขย หรือแม้กระทั่งกับนางคิม คยอง-ฮุย ภรรยาของนายชาง ที่เป็นอาแท้ ๆ ของเขา  ถ้าเป็นเรื่องจริง การประหารชีวิตนายชาง ถือเป็นการตกจากอำนาจที่เร้าใจที่สุดของบุคคลที่ถูกหนดให้อยู่วงในของผู้นำ เกาหลีเหนือมายาวนาน

          ศาลทหารพิเศษ ซึ่งอยู่ในสังกัดกระทรวงความมั่นคง ระบุว่า นายชางได้นำกองกำลังไม่พึงประสงค์มาควบรวมกัน และตั้งตัวเองเป็นนายใหญ่ของกลุ่มมานานแล้ว เพื่อพยายามโค่นอำนาจรัฐ และก่ออาชญากรรมอย่างน่าสะพึงกลัว ด้วยความทะเยอทะยานที่จะครอบครองอำนาจสูงสุดของพรรคและของประเทศ จึงสมควรถูกประหารชีวิตโดยทันที

          ด้านหนังสือพิมพ์ของทางการ โรดอง ซินมุน รายงานข่าวนี้ในวันนี้เช่นกัน โดยตีพิมพ์ภาพของนางชางถูกสวมกุญแจมือ และถูกเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบควบคุมตัว ในขณะเข้าฟังการพิจารณาคดี

          นางชาง ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะกรรมาธิการทหารแห่งชาติ ที่ทรงอำนาจ และเป็นสมาชิกโพลิตบูโรของพรรคกรรมกร เขาแต่งงานกับนางคิม คยอง-ฮุย น้องสาวของนายคิมจอง-อิล บิดาของนายคิม จอง-อึน และได้รับการพิจารณาว่า เป็นคนที่ช่วยให้นายคิมก้าวขึ้นสู่อำนาจ แต่ขณะเดียวกัน เขาก็เป็นตัวอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อผู้นำหนุ่มที่ยังด้อยประสบการณ์เช่นกัน

          ไมค์ แมดเด้น ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างอำนาจของเกาหลีเหนือ และผู้เขียนบล็อก และเว็บไซท์ นอร์ธ โคเรีย ลีดเดอร์ชิพ วอทช์ ให้ความเห็นว่า นางชางเป็นบุคคลที่สามารถก่อรัฐประหารในเกาหลีเหนือได้ เพราะเขารู้วิธีการทำงานของเหล่าบอดี้การ์ด , การทำงานของกองกำลังรักษาความมั่นคง , การทำงานของหน่วยความมั่นคงแห่งรัฐ และที่สำคัญคือ รู้ไปทุกอณูของการควบคุมเกาหลีเหนือ

          เมื่อต้นสัปดาห์ เกาหลีเหนือได้ปลดนางชางออกจากทุกตำแหน่งและอำนาจ โดยกล่าวหาเขาในความผิดทางอาญาต่างๆ ที่รวมถึงการบริหารระบบการเงินของรัฐผิดพลาด เป็นเสือผู้หญิงและนักดื่ม  KCNA ระบุว่า เมื่อนานมาแล้ว นายชางได้ชื่อว่า เป็นนักการเมืองสกปรกที่มักใหญ่ใฝ่สูง เขาไม่กล้าเงยหน้าด้วยซ้ำ ตอนที่อดีตประธานาธิบดีคิม อิล ซุง และนายคิม จอง-อิล ยังมีชีวิตอยู่ และเพิ่งจะมาออกลายในตอนนี้ โดยคิดว่า ถึงเวลาสำหรับเขาแล้ว ที่จะช่วงชิงอำนาจด้วยความทะเยอ ทะยานอย่างบ้าบิ่น ในช่วงที่กำลังมีการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ เมื่อผู้นำรุ่นการปฏิวัติถูกแทนที่

          ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  สหรัฐ ระบุว่า ได้ติดตามสถานการณ์ในเกาหลีเหนือและหารือกับบรรดาพันธมิตร ในภูมิภาค  แพททริค เวนเทรลล์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ระบุว่าถ้าเป็นเรื่องจริง ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความโหดร้ายของระบอบเกาหลีเหนือ




เชื่อว่าการกำจัดอาเขยของผู้นำเกาหลีเหนือมาจากเรื่องเงินสกปรกล้วนๆ

          หนังสือพิมพ์ โชซอน อิลโบ ของเกาหลีใต้ ฉบับออนไลน์ รายงานว่า บรรดาสารพัดเรื่องราวที่ออกมาจากเกาหลีเหนือ กรณีบุคคลที่มีตำแหน่งสูงและทรงอิทธิพลอย่างนายชาง ซอง แต็ค ถูกกำจัด ได้ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่น่าเบื่อ ด้วยการชี้ว่าเป็นเหตุจูงใจเรื่องการเงิน

          ในขณะที่บางคนตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นเรื่องการคอร์รัปชั่นในเรื่องการจัดซื้อของกองทัพและ ทำธุรกิจทำเงินอื่นๆ ที่นายชางผู้ขาดแต่เพียงผู้เดียว แต่บางคนมองว่า รากเหง้าของสาเหตุที่แท้จริงน่าจะเป็นเรื่องการควบคุมเงินทุนสกปรกของนายคิม จอง-อึน ในต่างประเทศ

          เชื่อว่า เกาหลีเหนือมีเงินทุนสกปรกอยู่ในต่างประเทศ มาตั้งแต่สมัยที่นายคิม จอง-อิล บิดาของนายคิม จอง-อึน ผู้นำคนปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ โดยเชื่อว่า ถูกเก็บเอาไว้ใช้ในยามขาดมือ เคยมีการติดตามร่องรอยบางส่วนของเงินทุกสกปรก และพบว่า อยู่ในบัญชีที่บรังโก เดลต้า เอเชีย ในมาเก๊า จำนวน 25 ล้านดอลล่าร์ แต่ถูกอายัดมาตั้งแต่ปี 2548

          แหล่งข่าวทางการทูตคนหนึ่งในกรุงโซลของเกาหลีใต้ ระบุว่า ตอนนั้น ระบอบเกาหลีเหนือดีใจด้วยซ้ำ ที่มีการค้นพบบัญชีลับนี้ อันแสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่รู้ว่ามีบัญชีนี้อยู่ เนื่องจากเกือบทุกหน่วยงานต่างก็มีบัญชีลับที่กระจายกันอยู่ในต่างประเทศ โดยไม่แน่ชัดว่า ใครเป็นผู้ดูแลและถ้าเจ้าหน้าที่ที่จัดการบัญชีลับนี้ ถูกกำจัดหรือเสียชีวิตลงกระทันหัน บัญชีลับนี้ก็จะถูกลืมไปตลอดกาล

          สหรัฐกับเกาหลีใต้ ได้เริ่มติดตามร่องรอยบัญชีลับของตระกูลคิม นับตั้งแต่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คว่ำบาตรเกาหลีเหนือ เมื่อปี 2549 และพบว่า มีบัญชีต้องสงสัยปรากฎออกมากว่า 200 บัญชี ในออสเตรีย , จีน , ลิกเตนสไตน์ , ลักเซมเบิร์ก , รัสเซีย , สิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์

          นายชางเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการธุรกิจทำรายได้ของเกาหลีเหนือในต่างประเทศ และการปฏิรูปเศรษฐกิจในประเทศ แหล่งข่าว เปิดเผยว่า นายชางและคนใกล้ชิดของเขา มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งในปฏิบัติการลับๆ เพื่อสร้างรายได้ให้กับเกาหลีเหนือ มาตั้งแต่สมัยของนายคิม จอง-อิล และดูเหมือนว่าจะกระทำต่อเนื่องมาจนถึงยุคของนายคิม จอง-อึน

          นายรี ซู-ยอง เป็นคนที่นายจางให้ความไว้วางใจ และดำรงตำแหน่งหัวหน้ากงสุลของเกาหลีเหนือในลิกเตนสไตน์ , เนเธอร์แลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงระหว่างปี 2523-2553 ซึ่งเชื่อว่า ตระกูลคิมแอบเอาเงินไปซ่อนไว้ แหล่งข่าวในรัฐบาลเกาหลีใต้ ระบุว่า นายชาง ซู-กิล ที่มีตำแหน่งสูงในแผนก 54 ในพรรคกรรมกร ได้ถูกประหารชีวิตต่อหน้าสาธารณชน ซึ่งเป็นไปได้ว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงินทุนสกปรกของตระกูลคิม

          แผนก 54 มีหน้าที่จัดหาไฟฟ้า ถ่านหิน เชื้อเพลิง เสื้อผ้าและสิ่งของจำเป็นให้กับกองทัพ แต่ก็ยังทำธุรกิจอื่นๆ ด้วย ซึ่งเป็นไปได้ว่า นายชางและคนใกล้ชิดอาจไม่ได้เอาเงินเข้าบัญชีในต่างประเทศให้กับตระกูลคิม หรือไม่ก็ฮุบเอาเป็นของตัวเอง

          เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้ เชื่อว่า เกาหลีเหนือมีกำไรมหาศาลระหว่าง 200-300 ล้านดอลล่าร์ในแต่ละปี จากธุรกิจผิดกฎหมาย จนกระทั่งนานาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เข้มข้นขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจเกาหลีเหนือ ถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน  ส่วนแรกถูกจัดการอย่างเป็นทางการโดยครม.  ส่วนที่สองเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อในกองทัพ และส่วนที่สามกันเป็นเงินในบัญชีลับของตระกูลคิม

          เงินส่วนใหญ่ที่ได้มาจากธุรกิจในต่างประเทศ จะเข้าบัญชีตระกูลคิม ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ ตั้งแต่การค้าทองคำ , เห็นป่าสน , ส่งออกแร่และสินค้าเกษตร , ค้ายาเสพติด , ปลอมธนบัตรและส่งออกอาวุธ แหล่งข่าวในเกาหลีเหนือ บอกว่า มีข่าวลือสะพัดว่าเกาหลีเหนือเริ่มขายทองคำสำรองที่ส่งสัญญาณเป็นนัยถึงการ ขาดแคลนเงินสด เหมืองทองคำต่างๆ ในเกาหลีเหนือ ได้รับการคาดหมายว่า จะมีทองคำราว 2 พันตัน มูลค่า 8 พันล้านดอลล่าร์

          ตามธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาของผู้นำเกาหลีเหนือ พบว่า จะใช้เงินสกปรกซื้อความภักดีจากบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการ ด้วยการให้ของขวัญราคาแพง และซื้อของฟุ่มเฟือยบำเรอความสุขให้กับตัวเอง เช่น เรือยอร์ช , เหล้า และเพชรนิลจินดา  สกีรีสอร์ตของนายคิม จอง-อิน กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เช่นเดียวกับโครงการหรูอลังการต่างๆ ที่เชื่อว่า เอาเงินมาจากกองทุกสกปรกเช่นกัน




สื่อต่างประเทศให้ความสนใจสถานการณ์เกาหลีเหนือ

          สื่อต่างประเทศ ต่างรายงานข่าวการประหารชีวิตนายคิม ซอง-แต็ก อาเขยของนายคิม จอง-อึน ในข้อหาทรยศ รวมถึงถ้อยคำรุนแรงที่สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ หรือ KCNA  มีรายงานด้วยว่า สารคดีที่เกี่ยวกับนายคิม จอง-อึน ที่ฉายทางทางโทรทัศน์ในเกาหลีเหนือ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ได้แสดงให้เห็นว่า ใบหน้าของนายชางได้ถูกลบออกไป

          นางชางได้กลายเป็นบุคคลที่ทรยศต่อชาติ หลังจากเคยได้ชื่อว่าเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ เขาเคยถูกมองว่า เป็นคนที่ช่วยนายคิมรวบอำนาจมาไว้ในมือ หลังการถึงแก่อสัญกรรมของนายคิม จอง-อิล ผู้เป็นบิดา เมื่อ 2 ปีก่อน  นักวิเคราะห์ มองว่า การกำจัดนายชาง เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของนายคิม ขณะที่เกาหลีใต้ เกรงว่า การกำจัดบุคคลสำคัญในรัฐบาล โดยเฉพาะคนที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้สนับสนุนหลักการปฏิรูปเศรษฐกิจ
สไตล์จีน อาจนำไปสู่อันตรายของการไร้เสถียรภาพ หรือการคำนวณผิดพลาด หรือการโจมตีเกาหลีใต้

          ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ยังคงอยู่ในระดับสูง หลังเกาหลีเหนือเหิมเกริมข่มขู่สหรัฐเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ระหว่างเดือนมีนาคาถึงเมษายน ที่รวมถึงการประกาศจะยิงขีปนาวุธและนิวเคลียร์ และเตือนว่า เกาหลีเหนืออาจจะหันมาผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์รอบใหม่ ABC นิวส์รายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า นางคิม คยอง-ฮุย อาของนายคิม เกี่ยวข้องกับการกำจัดสามีตัวเองแต่เรื่องนี้ไม่สามารถพิสูจน์ได้

          มีการเผยภาพวิดิโอ ที่แสดงให้เห็นนายชาง วัย 67 ปี ถูกตำรวจลากตัวออกมาจากที่นั่งระหว่างการประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์ และภาพอย่างเป็นทางการทุกภาพ ก็ถูกตัดต่อใหม่โดยลบภาพของเขาออกทั้งหมด

          นายชางเคยได้รับการพิจารณาว่า มีความเป็นไปได้ที่จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือจนกระทั่งนาย คิมมีวัยพอสมควร ทำให้เขาต้องมอบอำนาจสูงสุดให้นายคิม ที่ถูกมองว่าด้อยประสบการณ์ และกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการแนะนำนายคิม ในช่วงการถ่ายโอนอำนาจหลังการถึงแก่อสัญกรรมของบิดา เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2554

          เชื่อว่า การตกจากอำนาจของนายชาง เป็นแผนการของฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในกองทัพ แต่ยังไม่แน่ชัดว่า นายคิมสนับสนุนการประหารชีวิตครั้งนี้จริงหรือไม่ หรือเขาอาจถูกบีบจากนายทหารระดับสูงในกองทัพด้วยเช่นกัน  บรรดาเพื่อนบ้านในภูมิภาค ต่างพากันหวาดวิตกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือ อาจนำไปสู่ความโกลาหล จีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญ ได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพของชาติ หลังจากนายชางที่ได้ชื่อว่าเป็นพันธมิตรของจีน ถูกกำจัด


ขอขอบพระคุณที่มาของข่าว : 




ท่านจะได้ Ranking ที่ดีใน ใน Youtube โดยที่ อันดับนั้นขึ้นอยู่กับ Title และ Tag

เป็นสำคัญ เช่น ถ้าท่านใช้วิธีเพิ่ม view ใน youtube  โดยใช้Keywordของคำเช่น  สำนักข่าวWiFi


ให้ท่านใส่ Title และ Tag ว่าสำนักข่าวWiFi และทำการปั๊มวิวยูทูป ประมาณ 2 – 3 หมื่น
เมื่อ Video ของท่านได้ view youtube แล้วนั้น Video ของท่านจะขึ้นอันดับต้นๆ ใน Youtube  
เวลาคนหาคำว่าสำนักข่าวWiFi ใน Youtube

ในที่สุดVideo ของท่านจะติดอันดับ Google โดยทีไม่ต้องทำ SEO เลยแม้แต่น้อย ลองเปลี่ยนวิธีนำเสนอสินค้าของท่านด้วย วีดีโอสั้นๆดูสิครับ

Tag: สำนักข่าวWiFi , view youtube , ปั๊มวิวยูทูป

ส่งลิงค์Youtube ของคุณ พร้อมแจ้งหลักฐานการชำระเงินมาที่ อินบ๊อก  https://www.facebook.com/messages/yingyoutubeplusview

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น