วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Close Up: สิงห์บลู-ปืนใหญ่ “หนามยอกเอาหนามบ่ง” - 9Zean.Com - WiFiNews


แม้ว่ามูรินโญจะหงุดหงิดกับผลการแข่งขันในเกมที่เจ้าตัวพูดเองว่าไม่สำคัญ แต่นี่คือชัยชนะที่น่าสนใจของอาร์เซนอลที่มีต่อเชลซี เราขอย้อนไปดูควันหลงจากเกมคอมมิวนิตี้ชิลด์กัน

โดย ธีรภัทร รัญตะเสวี teerapatra@gmail.com Close Up Fanpage

เรารับทราบได้ว่า ฤดูกาลของศึกฟุตบอลขวัญใจมหาชนชาวสยามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นทันทีที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษจัดเกมชิงโล่ห์การกุศลอย่าง เอฟเอ คอมมิวนิตี้ชิลด์ ซึ่งในปีนี้ ไม้เบื่อไม้เมาอย่าง อาร์เซนอล กับ เชลซี ก็มีอันต้องโคจรมาพบกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าของแชมป์ในซีซั่นที่แล้วทั้งคู่

แม้ก่อนเปิดซีซั่น อาร์เซนอลดูจะมีภาษีที่ดีกว่าเชลซีในเกมอุ่นเครื่องและทัวร์นาเมนต์ยิบย่อยของพวกเขา แต่กับโปรแกรมดาร์บี้แมตช์ไม่เผาผี บวกกับสถิติที่ผ่านมาของการพบกันแบบนี้ ไม่มีอะไรการันตีว่าพวกเขาเหนือกว่าทีมสีน้ำเงินทั้งสิ้น

แต่ทันทีที่แอนโธนี เทย์เลอร์เป่านกหวีดเริ่มเกมจนกระทั่งลูกยิงสนั่นประสาทของน้อง “นินจาเต่า” อเล็กซ์ (อ๊อกเหล็ก) แชมเบอร์เลน เข้าไปซุกก้นตาข่าย มันกลายเป็นการเติมเชื้อไฟให้แรงขึ้นจากนาทีนั้นจนนาทีที่คุณอ่านบทความนี้

หลังจากพยายามไล่ล่ากันอยู่นานจนจบ 90 นาที อาร์เซนอลกำชัยเหนือเชลซีคว้าถาดแปดเหลี่ยมทรงพลังไปครอบครอง นี่คือ 5 สิ่งที่น่าวิเคราะห์

1.ในที่สุด เวนเกอร์ก็ชนะมูรินโญ

หลังจาก 13 เกมแห่งความขมขื่น อาร์แซน เวนเกอร์ก็มีชัยเหนือมูรินโญเสียที ถ้าดูจากตัวผู้เล่นของทั้งสองทีม แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีการออมมืออยู่ในโมเมนต์นี้อย่างแน่นอน

ทั้งคู่เปิดเกมแลกกันอย่างสนุกตลอดเกม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาอย่างเห็นได้ชัดในแมตช์นี้คือ “หลังบ้าน” ของทัพปืนใหญ่ ที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งตัวแปรที่ว่าคงไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน “ปีเตอร์ เช็ก” ศิษย์เก่าค่ายสิงห์บลูนั่นเอง

ในนาทีนี้ มูรินโญคงเห็นและคิดถึงศักยภาพของอดีตนายด่านก้นกุฏิเชลซี ที่เพิ่งย้ายข้ามฟากมาร่วมชายคาเอมิเรตส์แล้ว ว่าเขายังคงความเป็นมือหนึ่งได้ดีเสมอ

เมื่อเวนเกอร์ต้องการปิดช่องโหว่ และเป็นโอกาสที่ดี เขาไม่ปล่อยให้เรื่องนี้หลุดมือไป นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นการก้าวออกจากเงาเชลซีของอาร์เซนอลในยุคเวนเกอร์แล้ว

ซึ่งผู้สันทัดกรณีอย่างเจมี คาราเกอร์ก็ให้ทรรศนะหลังเกมไว้อย่างน่าสนใจว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ (ในการพ่ายแพ้เกมนี้) ของเชลซี, แต่ในมุมของจิตวิทยา มันจะช่วยให้อาร์เซนอลมีความมั่นใจขึ้นในการเปิดฤดูกาล และการพบกับทีมคู่ปรับนี้ครั้งต่อไป”

2.ปีทองของ “ดิ อ๊อกซ์”?

ปีนี้จะถึงเวลาทองของหนุ่มน้อยนินจาเต่าแห่งอาร์เซนอลได้หรือยัง? นี่คือคำถามของเหล่าแฟนคลับปืนโตมีอยู่ในใจ และรอคอยคำตอบมานานหลายปี ฟอร์มแบบมาๆ หายๆ ของมิดฟิลด์รถถังฝั่งลอนดอนวัย 21 ปีรายนี้คอยฉุดไม่ให้สาวกทั้งหลายเชื่อมั่นในตัวเขาได้เต็ม 100% และมันส่งผลให้เขายังไปไม่ถึงฝั่งฝันของคำว่า “นักเตะระดับท็อปคลาส” ได้เสียที

อเล็กซ์คือนักเตะประเภททะลุทะลวงแบบเดียวกับอเล็กซิส ซานเชซ เขาคือคนปั้นเกมและสามารถไปกับบอลได้อย่างดี ซึ่งเข้ากับสไตล์การเล่นที่เวนเกอร์ต้องการวางไว้ ข้อเสียอย่างเดียวของเขาในนาทีนี้คือ “เจ็บง่ายเกินไป” เท่านั้น

ซึ่งหลังกลับมาจากอาการบาดเจ็บ จนเค้นฟอร์มสุดยอดในเกมเอฟเอ คัพกับแอสตัน วิลลาซีซั่นที่แล้ว จนถึงลูกทะลวงตาข่ายกูรตัวส์ในเกมนี้ นี่คือฟอร์มที่บอกทุกคนให้รู้ว่า ถ้าอยากมีปัจจัยในการคว้าแชมป์เพิ่มขึ้น อาร์เซนอลต้องพยายามรักษาเจ้าหนูผมทรงขัดใจแม่รายนี้เอาไว้ในทีมแบบ “ห้ามเจ็บ-ห้ามขาด-ห้ามลา และ ห้ามขาย” เด็ดขาด

3.เชลซียังไม่มีทีมที่ “คลิก” สำหรับซีซั่นใหม่

แม้จะมีเรื่องของโชคและดวงมาเกี่ยวข้อง แต่ผลของเกมอุ่นเครื่องของทั้งอาร์เซนอลและเชลซีก็ยังมีข้อแตกต่าง ถึงแม้น “แฮปปี้วัน” อย่างมูรินโญจะเคยพูดไว้ว่าเกมพ่าย นิวยอร์ค เร้ด บูลส์ไป 2-4 เมื่อเดือนที่แล้วจะเป็นผลการแข่งขัน “ปลอม” ที่ใช้วัดอะไรไม่ได้ก็ตาม แต่การประสานงานของแข้งต่างๆ ภายในทีมก็ดูจะเครื่องร้อนช้ากว่าอาร์เซนอลที่กลมกล่อมกว่า คว้ามา 2 แชมป์ในปรีซีซั่น

รามิเรสและอาซาร์ สลับกันสร้างโอกาสในเกมกับอาร์เซนอลได้ดี แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถจบสกอร์ได้เป็นชิ้นเป็นอัน เช่นเดียวกับแนวรุกอื่นๆ ที่พอสลับฝั่งกันกลายเป็นเจอทีมที่เปลี่ยนมาตั้งรับเต็มตัวเหนียวแน่นแบบอาร์เซนอลบ้าง ก็ยังจบได้ไม่คม แม้จะครองบอลมากกว่าถึง 57-43% ก็ตาม

อนุมานไปได้ว่า เชลซีอาจจะยังไม่ร้อนพอ, รามิเรส+เรมีพากันฟอร์มตก และการขาดหายไปของคอสต้า ก็มีผลพอสมควร

4.ฟัลเกายังเหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่ทรงผม

“พี่เสือสมิง” ราดาเมล ฟัลเกา ได้รับการคาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากย้ายจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดมาร่วมชายคาเดียวกับมูรินโญ และคอสต้า อดีตซี้เก่า แต่นับจากพรีซีซั่นจนถึงเกมนี้ เขายังเงียบเหงาไม่เร้าใจเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับโอกาสที่ได้รับ

ฟัลเกากับทรงผมใหม่ได้บอล 27 ครั้งแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตู หรือแม้กระทั่งลูกที่ตรงกรอบสร้างความอันตรายให้กับปีเตอร์ เช็กของอาร์เซนอลได้เลยในเกมที่ผ่านมา ซึ่งได้แต่ภาวนากันว่า เครื่องที่สนิมกินของเขาจะถูกเคาะล้างอัดฉีดได้ทันเปิดฤดูกาล

5.“เช็ก” บิล

กลายเป็นตัวแปรสำคัญแบบไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับปีเตอร์ เช็ก ศิษย์เก่าสิงโตน้ำเงินครามที่ต้องมาเจอเพื่อนเก่าแบบรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว และเมื่อเวนเกอร์เลือกที่จะเอาเขาลงเผชิญหน้ากับอดีตต้นสังกัด เขาก็ไม่ทำให้แฟนปืนใหญ่ผิดหวัง

แม้จะยังอาวรณ์กับทีมเดิม แต่ปีเตอร์ก็มืออาชีพพอที่จะโชว์ฟอร์มอันหรูหราตลอดเกม สร้างความมั่นใจให้แผงรับของอาร์เซนอลได้อย่างดี โดยเฉพาะช็อตสำคัญในการป้องกันลูกยิงฟรีคิกของออสการ์ ที่เกือบกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม จนเวนเกอร์ถึงขั้นออกมาพูดหลังเกมแบบแสบๆ คันๆ ว่า “อาจจะยากสักหน่อยสำหรับนักเตะเชลซีถ้าอยากยิงประตูผ่านปีเตอร์ เช็กในเกมนี้ เพราะพวกเขาต้องการลูกยิงที่เพอร์เฟ็คจริงๆ ถึงจะทำได้สำเร็จ”