แม้ว่ามูรินโญจะหงุดหงิดกับผลการแข่งขันในเกมที่เจ้าตัวพูดเองว่าไม่สำคัญ แต่นี่คือชัยชนะที่น่าสนใจของอาร์เซนอลที่มีต่อเชลซี เราขอย้อนไปดูควันหลงจากเกมคอมมิวนิตี้ชิลด์กัน
โดย ธีรภัทร รัญตะเสวี teerapatra@gmail.com Close Up Fanpageเรารับทราบได้ว่า ฤดูกาลของศึกฟุตบอลขวัญใจมหาชนชาวสยามกำลังจะเริ่มต้นขึ้นทันทีที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษจัดเกมชิงโล่ห์การกุศลอย่าง เอฟเอ คอมมิวนิตี้ชิลด์ ซึ่งในปีนี้ ไม้เบื่อไม้เมาอย่าง อาร์เซนอล กับ เชลซี ก็มีอันต้องโคจรมาพบกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นเจ้าของแชมป์ในซีซั่นที่แล้วทั้งคู่
แม้ก่อนเปิดซีซั่น อาร์เซนอลดูจะมีภาษีที่ดีกว่าเชลซีในเกมอุ่นเครื่องและทัวร์นาเมนต์ยิบย่อยของพวกเขา แต่กับโปรแกรมดาร์บี้แมตช์ไม่เผาผี บวกกับสถิติที่ผ่านมาของการพบกันแบบนี้ ไม่มีอะไรการันตีว่าพวกเขาเหนือกว่าทีมสีน้ำเงินทั้งสิ้น
แต่ทันทีที่แอนโธนี เทย์เลอร์เป่านกหวีดเริ่มเกมจนกระทั่งลูกยิงสนั่นประสาทของน้อง “นินจาเต่า” อเล็กซ์ (อ๊อกเหล็ก) แชมเบอร์เลน เข้าไปซุกก้นตาข่าย มันกลายเป็นการเติมเชื้อไฟให้แรงขึ้นจากนาทีนั้นจนนาทีที่คุณอ่านบทความนี้
หลังจากพยายามไล่ล่ากันอยู่นานจนจบ 90 นาที อาร์เซนอลกำชัยเหนือเชลซีคว้าถาดแปดเหลี่ยมทรงพลังไปครอบครอง นี่คือ 5 สิ่งที่น่าวิเคราะห์
1.ในที่สุด เวนเกอร์ก็ชนะมูรินโญ
หลังจาก 13 เกมแห่งความขมขื่น อาร์แซน เวนเกอร์ก็มีชัยเหนือมูรินโญเสียที ถ้าดูจากตัวผู้เล่นของทั้งสองทีม แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีการออมมืออยู่ในโมเมนต์นี้อย่างแน่นอน
ทั้งคู่เปิดเกมแลกกันอย่างสนุกตลอดเกม แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาอย่างเห็นได้ชัดในแมตช์นี้คือ “หลังบ้าน” ของทัพปืนใหญ่ ที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งตัวแปรที่ว่าคงไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน “ปีเตอร์ เช็ก” ศิษย์เก่าค่ายสิงห์บลูนั่นเอง
ในนาทีนี้ มูรินโญคงเห็นและคิดถึงศักยภาพของอดีตนายด่านก้นกุฏิเชลซี ที่เพิ่งย้ายข้ามฟากมาร่วมชายคาเอมิเรตส์แล้ว ว่าเขายังคงความเป็นมือหนึ่งได้ดีเสมอ
เมื่อเวนเกอร์ต้องการปิดช่องโหว่ และเป็นโอกาสที่ดี เขาไม่ปล่อยให้เรื่องนี้หลุดมือไป นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นการก้าวออกจากเงาเชลซีของอาร์เซนอลในยุคเวนเกอร์แล้ว
ซึ่งผู้สันทัดกรณีอย่างเจมี คาราเกอร์ก็ให้ทรรศนะหลังเกมไว้อย่างน่าสนใจว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ (ในการพ่ายแพ้เกมนี้) ของเชลซี, แต่ในมุมของจิตวิทยา มันจะช่วยให้อาร์เซนอลมีความมั่นใจขึ้นในการเปิดฤดูกาล และการพบกับทีมคู่ปรับนี้ครั้งต่อไป”
2.ปีทองของ “ดิ อ๊อกซ์”?
ปีนี้จะถึงเวลาทองของหนุ่มน้อยนินจาเต่าแห่งอาร์เซนอลได้หรือยัง? นี่คือคำถามของเหล่าแฟนคลับปืนโตมีอยู่ในใจ และรอคอยคำตอบมานานหลายปี ฟอร์มแบบมาๆ หายๆ ของมิดฟิลด์รถถังฝั่งลอนดอนวัย 21 ปีรายนี้คอยฉุดไม่ให้สาวกทั้งหลายเชื่อมั่นในตัวเขาได้เต็ม 100% และมันส่งผลให้เขายังไปไม่ถึงฝั่งฝันของคำว่า “นักเตะระดับท็อปคลาส” ได้เสียที
อเล็กซ์คือนักเตะประเภททะลุทะลวงแบบเดียวกับอเล็กซิส ซานเชซ เขาคือคนปั้นเกมและสามารถไปกับบอลได้อย่างดี ซึ่งเข้ากับสไตล์การเล่นที่เวนเกอร์ต้องการวางไว้ ข้อเสียอย่างเดียวของเขาในนาทีนี้คือ “เจ็บง่ายเกินไป” เท่านั้น
ซึ่งหลังกลับมาจากอาการบาดเจ็บ จนเค้นฟอร์มสุดยอดในเกมเอฟเอ คัพกับแอสตัน วิลลาซีซั่นที่แล้ว จนถึงลูกทะลวงตาข่ายกูรตัวส์ในเกมนี้ นี่คือฟอร์มที่บอกทุกคนให้รู้ว่า ถ้าอยากมีปัจจัยในการคว้าแชมป์เพิ่มขึ้น อาร์เซนอลต้องพยายามรักษาเจ้าหนูผมทรงขัดใจแม่รายนี้เอาไว้ในทีมแบบ “ห้ามเจ็บ-ห้ามขาด-ห้ามลา และ ห้ามขาย” เด็ดขาด
3.เชลซียังไม่มีทีมที่ “คลิก” สำหรับซีซั่นใหม่
แม้จะมีเรื่องของโชคและดวงมาเกี่ยวข้อง แต่ผลของเกมอุ่นเครื่องของทั้งอาร์เซนอลและเชลซีก็ยังมีข้อแตกต่าง ถึงแม้น “แฮปปี้วัน” อย่างมูรินโญจะเคยพูดไว้ว่าเกมพ่าย นิวยอร์ค เร้ด บูลส์ไป 2-4 เมื่อเดือนที่แล้วจะเป็นผลการแข่งขัน “ปลอม” ที่ใช้วัดอะไรไม่ได้ก็ตาม แต่การประสานงานของแข้งต่างๆ ภายในทีมก็ดูจะเครื่องร้อนช้ากว่าอาร์เซนอลที่กลมกล่อมกว่า คว้ามา 2 แชมป์ในปรีซีซั่น
รามิเรสและอาซาร์ สลับกันสร้างโอกาสในเกมกับอาร์เซนอลได้ดี แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถจบสกอร์ได้เป็นชิ้นเป็นอัน เช่นเดียวกับแนวรุกอื่นๆ ที่พอสลับฝั่งกันกลายเป็นเจอทีมที่เปลี่ยนมาตั้งรับเต็มตัวเหนียวแน่นแบบอาร์เซนอลบ้าง ก็ยังจบได้ไม่คม แม้จะครองบอลมากกว่าถึง 57-43% ก็ตาม
อนุมานไปได้ว่า เชลซีอาจจะยังไม่ร้อนพอ, รามิเรส+เรมีพากันฟอร์มตก และการขาดหายไปของคอสต้า ก็มีผลพอสมควร
4.ฟัลเกายังเหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่ทรงผม
“พี่เสือสมิง” ราดาเมล ฟัลเกา ได้รับการคาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากย้ายจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดมาร่วมชายคาเดียวกับมูรินโญ และคอสต้า อดีตซี้เก่า แต่นับจากพรีซีซั่นจนถึงเกมนี้ เขายังเงียบเหงาไม่เร้าใจเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับโอกาสที่ได้รับ
ฟัลเกากับทรงผมใหม่ได้บอล 27 ครั้งแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตู หรือแม้กระทั่งลูกที่ตรงกรอบสร้างความอันตรายให้กับปีเตอร์ เช็กของอาร์เซนอลได้เลยในเกมที่ผ่านมา ซึ่งได้แต่ภาวนากันว่า เครื่องที่สนิมกินของเขาจะถูกเคาะล้างอัดฉีดได้ทันเปิดฤดูกาล
5.“เช็ก” บิล
กลายเป็นตัวแปรสำคัญแบบไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับปีเตอร์ เช็ก ศิษย์เก่าสิงโตน้ำเงินครามที่ต้องมาเจอเพื่อนเก่าแบบรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว และเมื่อเวนเกอร์เลือกที่จะเอาเขาลงเผชิญหน้ากับอดีตต้นสังกัด เขาก็ไม่ทำให้แฟนปืนใหญ่ผิดหวัง
แม้จะยังอาวรณ์กับทีมเดิม แต่ปีเตอร์ก็มืออาชีพพอที่จะโชว์ฟอร์มอันหรูหราตลอดเกม สร้างความมั่นใจให้แผงรับของอาร์เซนอลได้อย่างดี โดยเฉพาะช็อตสำคัญในการป้องกันลูกยิงฟรีคิกของออสการ์ ที่เกือบกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม จนเวนเกอร์ถึงขั้นออกมาพูดหลังเกมแบบแสบๆ คันๆ ว่า “อาจจะยากสักหน่อยสำหรับนักเตะเชลซีถ้าอยากยิงประตูผ่านปีเตอร์ เช็กในเกมนี้ เพราะพวกเขาต้องการลูกยิงที่เพอร์เฟ็คจริงๆ ถึงจะทำได้สำเร็จ”
แม้จะคว้าชัยชนะได้ในเกมนี้ แต่อีกสิ่งที่ยังคงเห็นกันอย่างชัดเจนของอาร์เซนอลก็คือ พวกเขายังต้องการกองหน้าระดับเวิลด์คลาส ถ้าอยากสร้างทีมที่ดีพอสำหรับแชมป์ลีก และผมเชื่อว่าการปล่อยชูบา อัคปอมออกไปให้ฮัลล์ ซิตี้ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีบางอย่าง (ถ้าไม่มโนไปเองนะ 5555)
เอาล่ะครับ ท่ามกลางความดุเดือดและตึงเครียดหลังเกมที่แสดงออกผ่านการเมินเฉยและไม่จับมือของสองผู้จัดการทีม มันยิ่งเป็นสัญญาณแรกที่แสดงให้เห็นว่าเกมลีกลูกหนังเมืองผู้ดีปีนี้มันทะลุจุดเดือดแน่นอน
ชั่วโมงนี้ เวนเกอร์คงพอรับทราบบ้างแล้วว่า การตะบี้ตะบันบุก ไม่ได้ทำให้เขาและทีมงานปืนใหญ่วัยคะนองได้ชัยชนะทุกนัดเสมอไป และการตั้งรับอย่างเหนียวแน่นก็เป็นวิธีที่สามารถสร้างผลการแข่งขันที่ดีได้เช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าตลอด 13 เกมที่พ่ายแพ้แกมูรินโญ มันคงสอนอะไรเขาบ้างไม่มากก็น้อย
“เหรียญรางวัลของผู้แพ้ ผมไม่ได้ต้องการครอบครองมันไว้, แต่ถึงอย่างไร ทีมที่ดีที่สุดก็แพ้ และทีมรับที่ยอดเยี่ยมเป็นฝ่ายชนะ ก็ต้องยินดีด้วย” มูรินโญกล่าวเอาไว้ด้วยความรู้สึกคล้ายโดนหนามของตัวเองมาบ่ง เสมือนบทปิดท้ายของหนังซีรีส์ที่ต้องการภาคต่อ
แม้ถาดการกุศลใบนี้จะเป็นทัพปืนใหญ่ที่ได้ครอบครอง แต่มันก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ยังต้องฟัด ยังต้องจับเจอกันอีกนานครับคู่นี้ ยกเว้นมือ ไม่ต้องจับ...
ธีระ โกล ประเทศไทย
9Zean.Com - WiFiNews
ขอบคุณที่มาของข่าวโดยgoal.com ข่าวฟุตบอล
เวลาโพส2015-08-31 23:03:04
เวลาโพส2015-08-31 23:03:04
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น