วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด แจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงอุบัติเหตุจากรถในจังหวัดพิษณุโลก


บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด แจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงอุบัติเหตุจากรถในจังหวัดพิษณุโลกเว็บไซด์ www.thairsc.com เชิญชวนเครือข่ายแจ้งเหตุผ่านเบอร์ call center 1791 รุกจ่ายค่าสินไหมปลงศพ 24 ชั่วโมง เยียวยาผู้ประสบภัย เจ็บ ตาย ทุกคนต้องมีเงินรักษาและทำศพ ผ่านระบบ e – claim สินไหมอัตโนมัติ พร้อมจับมือภาครัฐ เอกชน วัด โรงเรียน ชุมชน สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร ภายใต้สโลแกน หยุดอุบัติเหตุจากรถ ง่ายๆด้วยตัวเรา
https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=1420ce84520dad45&attid=0.2&disp=inline&realattid=f_hnfj5a2f1&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1383197431120&sads=TkNkTQZZSZipkc9LbZLhAmcCpzM

https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=1420ce84520dad45&attid=0.7&disp=inline&realattid=f_hnfj5a3q6&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1383197325950&sads=sFWHuVIlwAEsKi6DYJhKJJa_rVA
    นางสาวจินตนา  ฮวดกระโทก ผู้จัดการภาคเหนือ 3 พิจิตร บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เปิดเผยกับสื่อมวลชนในจังหวัดพิษณุโลกในระหว่างเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรมโครงการกินข้าวเล่าเรื่องกับสื่อเมื่อเย็นวานนี้ ( 30 ต.ค.56 ) ที่โรงแรมไอยรา อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกว่า จากสถิติข้อมูลจำนวนอุบัติเหตุใน จังหวัดพิษณุโลกในปี 2556 ถึงปัจจุบัน มีจำนวนอุบัติเหตุ 3,427 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 71 ราย ทุพพลภาพ 11 ราย บาดเจ็บ 3,871 ราย รวมทั้งสิ้น 3,953 ราย อำเภอเมืองมีจำนวนครั้งเกิดอุบัติเหตุสุงสุดจำนวน 1,777 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 26 ราย ทุพพลภาพ 3 ราย บาดเจ็บ 2,003 ราย รวม 2,032 ราย รองลงมาอำเภอพรหมพิราม อำเภอบางกระทุ่ม โดยในเขตอำเภอเมือง บนถนนบรมไตรโลกนาถมีความถี่การเกิดอุบัติเหตุสูง ซึ่งสามารถเข้าไปดูข้อมูลรายละเอียดเชิงลึกได้ที่ เว็บไซด์ www.thairsc.com ซึ่งเป็นเว็บไซด์สาธารณสำหรับทุกคนที่สนใจเข้าไปใช้ประโยชน์จากข้อมูลสามารถ SAVE file เพื่อวิเคราะห์วิจัยหาทางแก้ไขลดอุบัติเหตุในหน่วยงานได้ต่อไปนอกจากนี้ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัดยังได้มุ่งเน้นให้องค์กรร่วมกันภายใต้สโลแกน หยุดอุบัติเหตุจากรถ ง่ายๆด้วยตัวเรา ซึ่งปัจจุบันบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ มีเครือข่ายในสถานศึกษาตามโครงการชมรมถนนปลอดภัยในสถานศึกษาทุกจังหวัดทั่วประเทศกว่า 370 ชมรม โดยเน้นเรื่องการสวมหมวกนิรภัย 100 % อย่างต่อเนื่องและขยายสู่วัด โรงเรียน ชุมชน อาทิโครงการหมวกบุญ ภาครัฐ หน่วยงานเอกชน อาทิ โครงการหน่วยงานต้นแบบสวมหมวก 100 % เป็นต้น
https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=1420ce84520dad45&attid=0.4&disp=inline&realattid=f_hnfj5a2u3&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1383197367559&sads=OPwyPEB2Jp4xI0IgXQCxizX5RYc
    ด้านนายสิงห์นาท  นาทอาจหาญ ผู้จัดการบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาพิษณุโลก กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การให้บริการสินไหมเชิงรุกของบริษัทกลางฯ นั้นหากมีผู้พบเห็นว่ามีผู้ประสบภัยในที่เกิดเหตุสามารถโทรแจ้งทะเบียนรถให้บริษัทกลางฯ ตรวจสอบสิทธิตาม พรบ.ผ่านระบบอีเคลม ( e – claim ) สินไหมอัตโนมัติ ได้ ดังนั้นบริษัทกลางฯจึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้ามาเป็นเครือข่ายแจ้งอุบัติเหตุจากรถเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ได้รับการรักษาหรือค่าปลงศพทันที่ภายใน 24 ชั่วโมง ผ่านเบอร์ Call center 1791 
https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=1420ce84520dad45&attid=0.1&disp=inline&realattid=f_hnfj5a1z0&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1383197396999&sads=nGVeGL_lGBoDI8GRYNWA9M7LvtA
    สำหรับ บริษัทกลางฯ ก่อตั้งโดยกฎหมาย พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ฉบับแก้ไขครั้งที่ 3 ปีพ.ศ.2540 มีบทบาทหน้าที่ คือ 1. รับคำร้องและจ่ายค่าสินไหมทดแทนตาม พรบ.แทนทุกบริษัทประกันวินาศภัย โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกค่าสินไหมเบื้องต้น ได้แก่ค่ารักษาพยาบาล 15,000 บาท ค่าปลงศพ หรือทุพพลภาพถาวร วงเงิน 35,000 บาท กำหนดจ่ายภายใน 7 วัน ส่วนที่ 2 ค่าสินไหมส่วนเกินเบื้องต้น เมื่อพิสูจน์ความรับผิด ผู้ประสบภัยที่เป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร บุคคลภายนอกหรือทายาทที่เป็นฝ่ายถูกจะได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนส่วนที่เหลือรวมกับค่าสินไหมเบื้องต้นในส่วนแรก และค่าชดเชยกรณีนอนรักษาที่โรงพยาบาลวันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน รวมวงเงินความคุ้มครองตาม พรบ.สูงสุด 204,000 บาท  2. การได้รับการไว้วางใจจากภาคธุรกิจประกันวินาศภัยให้บริษัมกลางฯ รับประกันภัย พรบ.รถจักรยานยนต์ ด้วยระบบ online realtime ราคาตามกฎหมายกำหนด  3. การเป็นศูนย์กลางรับแจ้งอุบัติเหตุและประสานความร่วมมือการจ่ายสินไหมแก่ภาคธุรกิจผ่านสายด่วน Call center 1791 และ 4. พัฒนาศูนย์ข้อมูลรับแจ้งอุบัติเหตุ เว็บไซด์ www.thairsc.com เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยให้แต่ละองค์กรได้ประโยชน์จากข้อมูล ดังนั้นหากประชาชนทั่วไปมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ ที่บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาพิษณุโลก เลขที่ 233/2 – 3 ถนนสิงหวัฒน์ ตำบลบ้านคลอง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โทรศัพท์หมายเลข 055 – 216720 หรือ 055 – 216794 

ภาพในบรรทัด 1
ขอขอบพระคุณ


ประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก
เนื้อหาและภาพข่าวโดย เสรีย์ ศรีพราย  , Warunyu Boonlue

ปตท.พร้อมรับมือแหล่งก๊าซพม่าหยุดซ่อมแซมระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2556 -8 มกราคม 2557


ปตท.พร้อมรับมือแหล่งก๊าซพม่าหยุดซ่อมแซมระหว่างวันที่ 25 ธันวาคม 2556 -8 มกราคม 2557 และเตรียมแผนรองรับ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในประเทศ
  
นาย ชาครีย์ บูรณกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.เตรียมแผนรับมือกรณีแหล่งเยตากุนในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จะปิดซ่อมแซมในวันที่ 25 ธันวาคม 2556 ถึงวันที่ 8 มกราคม 2557 โดยจะต้องประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อเตรียมพร้อมด้านเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าที่จะต้องเปลี่ยนจากก๊าซเป็นน้ำมัน และอยู่ระหว่างพิจารณาการนำก๊าซจากอ่าวไทยเข้ามาเพิ่มเติม นอกจากนี้ ปตท.ได้เตรียมแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) โดยในปีนี้(2556) ตามแผนจะนำเข้า 2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่นำเข้า 1 ล้านตัน ส่วนในปี 2558 ปตท.ได้เจรจานำเข้าแอลเอ็นจีจากประเทศกาตาร์ตามสัญญาซื้อขายจำนวน 2 ล้านตัน ทั้งนี้ ปริมาณการนำเข้าแอลเอ็นจีจะอยู่ที่เท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ในแต่ละปี โดยปัจจุบันมีคลังรองรับแอลเอ็นจีได้ 5 ล้านตัน ซึ่งปตท.มีแผนรองรับอยู่แล้ว
      ขณะเดียวกันแหล่งซอติกา (เอ็ม 9)ที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมามีกำลังการผลิต 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จะเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในเดือนเมษายน 2557 โดยจะจำหน่ายให้กับทางเมียนมา 60 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และไทย 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน มองว่าจะทำให้ไทยมีความมั่นคงมากขึ้น เพราะหากแหล่งยาดานาและเยตากุนปิดซ่อมแซมแหล่งใดแหล่งหนึ่งจะทำให้กำลังการผลิตรวมกันที่มีประมาณ 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันหายไป ซึ่งหากมีแหล่งเอ็ม 9 เข้าระบบได้จะเป็นเรื่องที่ดี


ภาพในบรรทัด 1
ขอขอบพระคุณ


ประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก
เนื้อหาและภาพข่าวโดย เสรีย์ ศรีพราย  , Warunyu Boonlue

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฟันธง ! ท่องเที่ยวปี"56 เข้าเป้า เล็งทำ Map 2020 หนุนนโยบายรัฐ


ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศปีนี้จะแตะที่ 26 ล้านคน และตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดก็คงหนีไม่พ้น "เอเชีย" โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังคงขยายตัวในอัตราที่สูงมาก แม้ว่ารัฐบาลจีนจะออกกฎคุมเข้มเพื่อปราบทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่ตลาดจีนก็ยังมีแนวโน้มที่ยังเติบโตได้

"ประชาชาติธุรกิจ" ได้สัมภาษณ์พิเศษ "ปิยะมาน เตชะไพบูลย์" ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ถึงภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวในปัจจุบัน รวมถึงทิศทางในอนาคตไว้ดังนี้ 

- ประเมินภาพรวมปีนี้อย่างไร

ปีนี้เราคาดการณ์นักท่องเที่ยว 26.27 ล้านคน ซึ่งหากดูตัวเลขในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่น่าจะพลาดเป้าทั้งในส่วนที่เป็นตลาดต่างประเทศและตลาดในประเทศ โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ยังมีแนวโน้มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง และขยายตัวในทุกตลาด แต่ไตรมาส 4 นี้ มองว่ามีความกังวลมากสำหรับตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศ เนื่องจากมีสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ 

อย่างไรก็ตาม คาดว่าฤดูท่องเที่ยวที่กำลังจะถึง คือ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ น่าจะมีจำนวนคนไทยเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น เพราะทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯได้ขอภาครัฐให้หยุดวันที่ 30 ธันวาคม ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศให้วันที่ 30 ธันวาคมเป็นวันหยุดแล้ว 

จากเดิมที่สอบถามนักท่องเที่ยวไปว่าจะมีแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปลายปีหรือไม่ เขาบอกว่าเที่ยวถึง 40% แต่ถ้ามีหยุดวันที่ 30 ธันวาคมก็จะเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 19% รวมเป็น 59% ที่นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น บวกกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี อาทิ ลอยกระทง เคานต์ดาวน์ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ฯลฯ ก็น่าจะสนับสนุนให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น

- มีปัจจัยอะไรที่ยังน่าเป็นห่วงสำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยวในปลายปีนี้บ้าง

สิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุดในช่วงนี้ก็คือเรื่องการเมือง การประท้วงที่เกิดขึ้น เพราะทำให้ภาคธุรกิจคาดการณ์ค่อนข้างยาก และการชุมนุมก็ยังมีอยู่ และก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ทำให้เราค่อนข้างกังวลมากสำหรับตลาดในประเทศ ส่วนในเรื่องของเศรษฐกิจเรามองว่าพอรับไหว 

ส่วนในตลาดต่างประเทศนั้นส่วนตัวคิดว่าไม่กระทบ เพราะการชุมนุมยังอยู่ในพื้นที่จำกัด และทุกครั้งที่ประกาศภาวะฉุกเฉินก็เป็นที่คุ้นเคยและเข้าใจว่าเหตุการณ์มันอยู่ในเมืองชั้นในเท่านั้น นักท่องเที่ยวเริ่มรับรู้และเข้าใจว่าเราเป็นประเทศประชาธิปไตย ต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น 

- เรื่องกฎระเบียบใหม่ของจีนส่งผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยหรือไม่

ถ้าเป็นตลาดต่างประเทศ มองว่าเรื่องกฎหมายของจีนน่าจะเห็นชัดเจนสุดว่าจะส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวคนจีนบ้าง แต่ที่ที่ดีประเมินตัวเลขในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาพบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยยังขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% เมื่อปีกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ดังนั้น ถามว่าตกไหม ตอบได้เลยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนไม่ได้ตก เพียงแต่ขยายตัวในจำนวนที่ต่ำกว่าช่วง 8-9 เดือนแรกของปีนี้ที่มีอัตราสูงถึง 80-90% และเราก็พบว่าส่วนที่หายไปส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่ซื้อแพ็กเกจทัวร์ ตรงกันข้ามนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองหรือเอฟไอทียังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่เช่นเดิม ดังนั้น ในประเด็นนี้เราจึงต้องมอนิเตอร์ตลอดเวลา 

อย่างไรก็ตาม คิดว่าตัวเลขเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมน่าจะปรับตัวดีขึ้น ส่วนตัวเพิ่งเดินทางไปเชียงใหม่ก็ยังเห็นนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นกลุ่มเอฟไอทียังเยอะมาก 

- แล้วมองภาพรวมในปีหน้าไว้อย่างไร

ในปีหน้าเราก็ยังเป็นห่วงสำหรับตลาดคนไทย เพราะตลาดคนไทยปกติที่ผ่านมาเราจะขยายตัวประมาณ 4-5% ปีหน้าเราต้องทำให้ได้ถึง 9% เพื่อให้มีรายได้เพิ่มจาก 6.5 แสนล้านในปีนี้เป็น 7 แสนล้านบาทในปีหน้า ซึ่งปีหน้าเราก็จะมีผู้ว่าการการท่องเที่ยวคนใหม่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในตลาดในประเทศ ก็มีโครงการต่าง ๆ ร่วมกับภาคเอกชน ก็คิดว่าน่าจะมีการเตรียมการตรงนั้นพอสมควร แต่ถามว่าชัดเจนไหมว่าจะถึงเป้าหมายหรือไม่ ยังเป็นสิ่งที่เรากังวลอยู่ 

สิ่งที่เราขอภาครัฐบาลตลอดเวลาที่พูดไปหลายรอบ คืออยากให้นำค่าใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวในประเทศไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้ ซึ่งตอนนี้เราเสนอให้รัฐบาลไปพิจารณาอีกรอบแล้วเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยเพิ่มจาก 15,000 บาท เป็น 30,000 บาท แล้วก็ขอ 3 ปี ถ้าได้ก็จะน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันให้คนไทยเกิดการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น เพราะสิ่งที่เรามองและเป็นห่วงคือ ความไม่สมดุลระหว่างตลาดต่างประเทศและในประเทศ

ปัจจุบันเราพึ่งตลาดเมืองต่างประเทศประมาณ 70% ส่วนอีก 30% เป็นตลาดคนไทย ฉะนั้น ถ้าเราทำตรงนี้ตลาดไทยน่าจะมีสัดส่วนมากขึ้นด้วย ที่สำคัญ นอกจากจะเป็นมาตรการจูงใจที่ช่วยให้คนไทยท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยผู้ประกอบการที่ดำเนินการอย่างถูกต้องด้วย เพราะต้องใช้ใบเสร็จจากโรงแรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือถ้าใช้บริษัทนำเที่ยวก็ต้องใช้บริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย 

ส่วนเป้าหมายในปีหน้าที่ตั้งเป้ารายได้จากภาคธุรกิจท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ก็คงจะเป็นไปได้สูง ถ้าไม่มีปัญหาทางการเมือง 

- มองศักยภาพของธุรกิจท่องเที่ยวไทยในระยะยาวอย่างไร

ยังเชื่อว่าท่องเที่ยวจะยังเป็นภาคธุรกิจที่เติบโตได้ต่อเนื่อง แต่เราต้องมุ่งเน้นด้านการพัฒนาทั้งคุณภาพ ความปลอดภัย 
จรรยาบรรณ รวมถึงการพัฒนาโปรดักต์ใหม่ ๆ 

ในอนาคตจะมีปัจจัยใหม่เข้ามาเกี่ยวเนื่องมากมาย อาทิ เปิดเออีซี, การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล 2 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะเรื่องคอนเน็กติวิตี้ที่จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยว และการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวเป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายขึ้น 

ปัจจัยใหม่ ๆ เหล่านี้ทำให้เราตั้งใจว่า เราจะทำยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวเอกชน (Map 2020) เพราะคิดว่าภาคเอกชนเองก็ควรมีจุดยืนที่ชัดเจนด้วย ซึ่งเราจะมองยาวถึงปี 2020 ให้แล้วเสร็จก่อนที่ตัวเองจะหมดวาระจากตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯในอีก 1 ปี ก่อนที่พี่จะหมดวาระอีก 1 ปี 

และ Map 2020 นี้จะเป็นแผนยุทธศาสตร์หนึ่งของภาคเอกชน ที่ช่วยสนับสนุนนโยบายรัฐบาลให้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวบรรลุเป้าหมายได้...

ขอขอบคุณที่มาของข่าว// โดย ประชาชาติธุรกิจ 
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1382983327




















วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เปิดจุดรับซื้อเมล็ดข้าวโพดจากสมาชิก ผ่านระบบสหกรณ์

สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พิษณุโลก จำกัด ร่วมมาตรการเสริมเชื่อมโยงสหกรณ์ผู้ผลิตและผู้ใช้ แก้ปัญหาราคาผลผลิตข้าวโพดตกต่ำ ภายใต้กรอบมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2556/57 ของรัฐบาล พร้อมเปิดจุดรับซื้อเมล็ดข้าวโพดจากสมาชิก ผ่านระบบสหกรณ์

https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141fd2fc92283db7&attid=0.1&disp=inline&realattid=f_hnb64oxp0&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382974026820&sads=tqnK0tH9K_e0TsE_BnkM99rsQY0
   ว่าที่ ร.ต.ทรงศักดิ์ ภูมิฐานนท์  สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า  ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2556 เห็นชอบให้ดำเนินการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2556/57 โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2556  และกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รับการจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการตามมาตรการเสริมการเชื่อมโยงสหกรณ์ผู้ผลิตและผู้ใช้ วงเงินจ่ายขาด จำนวน 225 ล้านบาท เป้าหมายรวบรวมผลผลิตข้าวโพด ในปริมาณ  100,000 ตัน ภายใต้เงื่อนไข ความชื้น 30 %  รับซื้อในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัม ละ 7 บาท โดยสหกรณ์จะรับซื้อเมล็ดข้าวโพดจากเกษตรกรตามใบประทวนไม่เกิน 25 ตัน /ราย ซึ่งเรื่องนี้ได้มอบให้ นายอภิชาต มนัสตรง ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ เป็นผู้ดำเนินการประสานสหกรณ์ในพื้นที่ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการ เพื่อชี้แจงหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขต่างๆ ให้สหกรณ์เข้าใจสามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ได้อย่างถูกต้อง
ด้านนายบุญลือ เพชรอ่อน ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พิษณุโลก จำกัดกล่าวว่า จากปัญหาผลผลิตข้าวโพดตกต่ำ ทำให้สมาชิกสหกรณ์ผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และเกษตรกรทั่วไป ต้องได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบดังกล่าว สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.พิษณุโลก จำกัด จึงได้ประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งสอดคล้องกับที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้มีมาตรการเชื่อมโยงสหกรณ์ผู้ผลิตและผู้ใช้ ภายใต้กรอบมาตรการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2556/57 สหกรณ์ฯ จึงแจ้งความประสงค์สมัครใจเข้าร่วมโครงการนี้ฯ เพื่อร่วมแก้ปัญหาราคาผลผลิตข้าวโพดตกต่ำ หวังในเบื้องต้นว่าจะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้แก่สมาชิกสหกรณ์ตามเกณฑ์การรับซื้อที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้กำหนดไว้
นายบุญลือ กล่าวอีกว่า ในช่วงนี้ผลผลิตข้าวโพดเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น สหกรณ์จึงทำหน้าที่รวบรวมรับซื้อผลผลิตข้าวโพดจากสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการฯ และจากเกษตรกรทั่วไปในราคาที่เป็นธรรม โดยคาดว่าจะมีเกษตรกรนำผลผลิตข้าวโพดมาขายผ่านระบบสหกรณ์ในฤดูกาลนี้สูงถึง 60,000 ตัน  ซึ่งสหกรณ์ได้เปิดจุดรวบรวมรับซื้อข้าวโพด ไว้ที่ตลาดกลางสินค้าเกษตร ตั้งอยู่เลขที่ 39 หมู่ที่ 12 ตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาพิษณุโลกได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อแก่สหกรณ์ จำนวน 60 ล้านบาท มาใช้เสริมสภาพคล่องเพื่อให้สหกรณ์สามารถรวบรวมรับซื้อผลผลิตข้าวโพดจากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปได้ตามเป้าหมาย
หากสมาชิกสหกรณ์หรือเกษตรกรรายใด มีความประสงค์จะจำหน่ายผลผลิตข้าวโพดผ่านระบบสหกรณ์ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. พิษณุโลก จำกัด  หมายเลขโทรศัพท์ 0-5524-5135 หรือ081-532-5878

สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก ใช้นโยบาย 5 ส พัฒนาองค์กรสู่มาตรฐานด้านงานบริการ

สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก ใช้นโยบาย 5 ส  พัฒนาองค์กรสู่มาตรฐานด้านงานบริการ   เน้นสร้างภาพลักษณ์ที่ดี  เตรียมพร้อมวางระบบการทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน 
https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141fd18bb0f3c818&attid=0.2&disp=inline&realattid=f_hnb58f9e1&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382948795215&sads=q9RVfp3sIhFme4EKjt_9ImBizC4
            ว่าที่ ร.ต. ทรงศักดิ์  ภูมิฐานนท์  สหกรณ์จังหวัดพิษณุโลกเปิดเผยว่ากรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สนับสนุนให้หน่วยงานในสังกัดของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินกิจกรรม 5 ส มาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการพัฒนาองค์กร เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ  ปรับปรุงวิธีการทำงานให้เป็นระบบ  ลดขั้นตอนการทำงาน  โดยสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้รับบริการได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้รับบริการ ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะหน่วยงานของประชาชน   
https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141fd18bb0f3c818&attid=0.1&disp=inline&realattid=f_hnb58f8y0&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382948863538&sads=nrOdwJ5nwyFv8O9qGxiz3Ca0wvQ
ที่ผ่านมา สำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก ได้นำกิจกรรม 5 ส มาใช้พัฒนาองค์กรด้วยการมีส่วนร่วมของบุคคลากรทุกคนสร้างจิตสำนึกสร้างความเข้าใจเพื่อให้เกิดการยอมรับและปฏิบัติตามในขั้นตอนของกิจกรรม 5 ส  คือ สะสาง  สะดวก  สะอาด  สุขลักษณะ สร้างนิสัยโดยแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ กำหนดช่วงเวลาการดำเนินกิจกรรม 5 ส ในบริเวณที่ปฏิบัติงานของแต่ละคน ทุกวันทำการ ระหว่างเวลา 16:30 น. – 17: 00 น.  และกิจกรรม Big Cleaning Day ทุกบ่ายวันจันทร์สุดท้ายของเดือน  ซึ่งนโยบายนี้ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดจะดำเนินการอย่างจริงจังต่อเนื่องในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมสถานที่ทำงานเพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพและคุณภาพในการปฏิบัติงานสู่มาตรฐาน P.S.O. หรือ Thailand International Public Sector Standard Management System and Outcoms ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานสากลของประเทศไทย 
 https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141fd18bb0f3c818&attid=0.3&disp=inline&realattid=f_hnb58f9t2&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382948929284&sads=GJbsiamTq9Sk4ZKXXNA9mm8N9Ps

ด้านการจัดการและสัมฤทธิ์ผลของงานภาครัฐโดยวัดจากผลการจัดอันดับด้านการประเมินผลการปฏิบัติงานของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพิษณุโลก อยู่ในลำดับ8 ของประเทศ อย่างไรก็ตามเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนางานและพัฒนาองค์กรเพื่ออำนวยประโยชน์แก่ประชาชนและสังคมส่วนรวมต่อไป

เทศบาลตำบลหัวรอ ร่วมกับ ชมรมวู้ดบอล และชมรมผู้สูงอายุตำบลหัวรอ จัดการแข่งขันวู้ดบอลเทศบาลตำบลหัวรอครั้งที่ 2


    
 https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141fcefbd9e747f5&attid=0.4&disp=inline&realattid=f_hnb3m8za3&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382946149209&sads=GzaQs15MXLrYasLcMmTdnTS_5Wk
https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141fcefbd9e747f5&attid=0.1&disp=inline&realattid=f_hnb3m8yf0&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382946251979&sads=2ypzd08dA-CF_rSWyA6RerOVfOE
      เทศบาลตำบลหัวรอ ร่วมกับ ชมรมวู้ดบอลเทศบาลตำบลหัวรอ และชมรมผู้สูงอายุตำบลหัวรอ จัดการแข่งขันกีฬาวู้ดบอลเทศบาลตำบลหัวรอคัพ ครั้งที่ 2 /2556 ตามโครงการแข่งขันกีฬาผู้สูงอายุ ประจำปี 2557 และการแข่งขันกีฬาวู้ดบอลหัวรอโอเพ่น ครั้งที่ 1 /2556 ซึ่งทำการแข่งขันที่บริเวณสวนสาธารณะริมทางรถไฟ หมู่ 12 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีนายนพคุณ  แถมพยัคฆ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวรอเป็นประธานเปิดการแข่งขัน มีนักกีฬาวู้ดบอลเข้าร่วมชิงชัยจำนวน 84 คน ประกอบด้วยผู้สูงอายุ ข้าราชการบำนาญและเยาวชนในพื้นที่ตำบลหัวรอ ขณะที่บรรยายกาศภายในสนามแข่งขันเต็มไปด้วยความชุมฉ่ำ เนื่องจากมีฝนตกลงมาตลอดเวลา           
   https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141fcefbd9e747f5&attid=0.2&disp=inline&realattid=f_hnb3m8yv1&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382946196488&sads=9U9JO0I0TRB7zHsQaeumtdUhA9A
     https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141fcefbd9e747f5&attid=0.3&disp=inline&realattid=f_hnb3m8yv2&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382946230360&sads=bwEkd6NS6iV06p4CPOmfahL23Bw
ด้านนายนพคุณ  แถมพยัคฆ์ นายกเทศมนตรีตำบลหัวรอ กล่าวว่า การส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ตลอดจนคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุถือเป็นเรื่องสำคัญ การออกกำลังกายจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้สูงวัยในพื้นที่ตำบลหัวรอให้ความสำคัญ อย่างเช่นกีฬาวู้ดบอล ที่ผ่านมาถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถึงกับจัดตั้งเป็นชมรมวู้ดบอลเทศบาลตำบลหัวรอ ในส่วนของเทศบาลตำบลหัวรอก็ได้ให้ความสนับสนุน โดยใช้พื้นที่สวนสาธารณะริมทางรถไฟ โดยดัดแปลงให้เป็นสนามวู้ดบอดขนาดย่อม เพื่อให้ผู้สูงอายุ และผู้ที่ชื่นชอบสามารถเดินทางมาเล่นกีฬาวู้ดบอลได้ในยามว่าง    สำหรับการแข่งขันกีฬาวู้ดบอลเทศบาลตำบลหัวรอคัพ ครั้งที่ 2 จะทำการแข่งขันเป็นเวลา 2 วัน โดยในวันที่ 25 -26  ตุลาคม 2556 โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมการแข่งขันได้ที่สวนสาธารณะริมทางรถไฟ หมู่ 12 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
ขอขอบพระคุณ


ประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก


เนื้อหาและภาพข่าวโดย เสรีย์ ศรีพราย  , Warunyu Boonlue

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ นำพระรูปสมเด็จพระสังฆราช จัดไว้ในวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช เพื่อให้ประชาชนได้มากราบไหว้


วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ นำพระรูปสมเด็จพระสังฆราช จัดไว้ในวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช เพื่อให้ประชาชนได้มากราบไหว้ และร่วมไว้อาลัย พร้อมอุทิศบุญกุศลถวาย 
     เมื่อวันที่  27 ตุลาคม 2556  ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกที่วัดพระศรีรัตน มหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ได้นำพระรูปสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มาไว้ที่วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช พระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่มากราบไหว้ขอพรพระพุทธชินราช ได้สามารถกราบ อธิษฐานจิต และอุทิศบุญกุศลถวายแด่ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งบรรยากาศวันนี้มีประชาชนมาร่วมกราบไหว้สักการะ และร่วมส่งดวงพระวิญญาณกันตั้งแต่ช่วงเช้า ในขณะที่ทางวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร ได้จัดให้มีพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระกุศล ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นประจำทุกวัน นอกจากนี้ทางวัดในอำเภอต่างๆ ของจังหวัดพิษณุโลกก็ยังร่วมไว้อาลัย ด้วยการนำพระรูปสมเด็จพระสังฆราช มาตั้งไว้ที่บริเวณศาลา การเปรียญของวัดเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มาร่วมทำบุญ ได้กราบไหว้สักการะอีกด้วย

รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 ตรวจเยี่ยมสนามสอบแข่งขันโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน




        เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา ที่สนามสอบโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ซึ่งเป็นสนามสอบชิงทุน 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 รอบที่ 2 นายสุชน  วิเชียรสรรค์ พร้อม นายแดง  วรศักดิ์วุฒิพงษ์   รองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39  ได้ออกตรวจเยี่ยมสนามสอบแข่งขันโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 4 รอบที่ 2 ของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 39 มีนักเรียนกว่า 210 คนเข้าสอบชิงทุนในอำเภอละ 2 ทุน จำนวน 9 อำเภอ รวม 18 ทุนการศึกษา โดยมีการคุมเข้มการสอบอย่างรัดกุม ห้ามนำอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารทุกชนิดเข้าห้องสอบ เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตในการสอบ  โดยทุนที่นักเรียนสอบ คือ ทุนประเภทที่ 1 คือ ทุนสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดี ครอบครัวมีรายได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี โดยให้รับทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในประเทศไทยและต่างประเทศ  จำนวน 916 อำเภอ/เขต และทุนประเภท 2 คือ ทุนสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดี ไม่จำกัดรายได้ครอบครัว โดยให้ศึกษาเฉพาะสาขาที่ขาดแคลนด้านวิทยาศาสตร์ ที่เป็นความต้องการของประเทศ โดยให้รับทุนศึกษาต่อระดับปริญญาตรีทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 843 อำเภอ/เขต 


    สำหรับโครงการทุนศึกษาต่อของนักเรียน จากทุกอำเภอและกิ่งอำเภอในระดับอุดมศึกษา หรือที่เรียกว่า โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน เป็นโครงการที่รัฐบาลได้มอบให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการ ร่วมกับสำนักงาน ก.พ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพื่อจัดสรรทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนไทยยากจน ที่เรียนดี มีความประพฤติดี และกำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า จากสถานศึกษาทุกอำเภอและกิ่งอำเภอทั่วประเทศ (ตามจำนวนสถานศึกษาที่เปิดสอนในระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย) ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในสาขาที่สอดคล้องกับความต้องการของตนเอง ชุมชนและท้องถิ่น อันจะนำไปสู่การสร้างความมั่นคงทางอาชีพของตนเองและครอบครัว ซึ่งเป็นรากฐานต่อการแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศ และการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของไทยในเวทีโลก ทั้งนี้ รัฐบาลมีความคาดหวังว่านักเรียนทุนเหล่านี้ จะนำความรู้และทักษะที่ได้รับกลับมาพัฒนาประเทศต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปชช.ทยอยสักการะพระศพ'สังฆราช'(cr :คมชัดลึก)



ปชช.ทยอยสักการะพระศพ'สังฆราช' ร่วมถวายภัตตาหารพระสวดพระอภิธรรม

          วันที่ 27 ต.ค.2556 ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหารเช้านี้มีการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเช้และสวดพระอภิธรรมพระ ศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก  โดยมีประชาชนร่วมฟังสวดอภิธรรมพระศพด้วย ทั้งนี้การสวดพระอภิธรรมพระศพจะมีตลอดทั้งวัน คือ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ไปจนถึงเวลา11.00 น. และ 12.00 น. ไปถึงเวลา 21.00 น. สลับกับการประโคมย่ำยาม ตลอดทั้ง 7 วัน ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยหน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนสามารถมาร่วมฟังสวดพระอภิธรรมพระศพได้ทุกวัน และหลังจากครบกำหนด 7 วัน ในการบำเพ็ญพระราชกุศลสัตตมวารแล้ว หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน สามารถขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรมพระศพได้

          และในเวลา 09.00 น.นี้ประชาชนสามารถเข้าสักการะพระศพที่พระตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหารได้


ขอขอบพระคุณที่มาของข่าว : 

ชลอ เกิดเทศ นักโทษคดีอุ้มฆ่า 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ พ้นคุกแล้ว




สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม

          ชลอ เกิดเทศ อดีตนายตำรวจคดีเพชรซาอุ ผู้ต้องขังคดีจ้างวานฆ่า 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำบางขวางแล้ว หลังเข้าเกณฑ์นักโทษชั้นเยี่ยม

          เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2556 นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรมได้พิจารณาหลักเกณฑ์คำร้องการพักโทษของ นายชลอ เกิดเทศ ผู้ต้องขังคดีจ้างวานฆ่า 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ แล้ว หลังจากได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการพิจารณาพักการลงโทษของเรือนจำ และส่งเรื่องไปยังกรมราชทัณฑ์กลั่นกรองตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนจะส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการพักการลงโทษร่วมกันพิจารณา เพื่อส่งเรื่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาอีกครั้ง 

          นายชาญเชาวน์ ระบุว่า ในเรื่องการพักโทษนั้น นายชลอเคยยื่นเรื่องมาแล้ว 2 ครั้ง แต่คณะกรรมการเห็นว่ายังไม่เหมาะสมและเป็นคดีที่มีความรุนแรงและสะเทือนขวัญ สังคม แต่ในการพิจารณาครั้งที่ 3 นี้ คณะกรรมการเห็นว่า นายชลอมีคุณสมบัติพักการลงโทษตรงตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ คือเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม จำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 ของโทษ หรือ 18 ปี ในโทษจำคุกตลอดชีวิต และนายชลอยังเข้าเงื่อนพิเศษ คือเป็นนักโทษชราอายุเกิน 70 ปี และมีอาการป่วย ซึ่งในระเบียบระบุว่าสามารถพักการลงโทษได้ตามเงื่อนไข อีกทั้งคดีได้จบสิ้นแล้ว คณะกรรมการจึงมีความเห็นสมควรให้พักการลงโทษ

          ด้าน นายวสันต์ สิงคเสลิต ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ได้ปล่อยตัว นายชลอ ไปแล้วตั้งแต่เวลา 14.00 น. วันที่ 25 ตุลาคม โดยมีลูกสาวมารอรับ แต่ต้องไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติในเขตพื้นที่ ที่แจ้งความจำนงไว้ทุก ๆ 1 เดือน จนกว่าจะครบตามเงื่อนไข โดยปกติแล้วก็ประมาณ 3-5 ปี

          ผู้บัญชาการเรือนจำ กล่าวด้วยว่า นายชลอเข้าเงื่อนพิเศษคือเป็นนักโทษชราอายุเกิน 70 ปี ที่มีอาการป่วยเรื้อรังจากโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งตรวจพบอาการเมื่อ 4-5 เดือนที่ผานมา และถูกส่งเขารักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่ปรากฏว่าอาการไม่ดีขึ้น ประกอบกับมีอาการอัมพฤกษ์ร่วมด้วยจึงต้องส่งตัวไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งหลังจากการผ่าตัดและกลับเข้ามาอยู่ที่เรือนจำแล้วอาการป่วยยังไม่หาย เป็นปกติ โดยมีอาการแขนซ้ายยกไม่ขึ้น

          นายวสันต์ กล่าวอีกว่า การเสนอพักโทษนั้นเป็นหน้าที่ของเรือนจำที่ต้องตรวจสอบข้อมูลล่วงหน้าถึง 6 เดือน ว่ามีนักโทษคนใดเข้าข่ายในการพักโทษบ้าง สำหรับกรณีของนายชลอ เกิดเทศ ผู้ต้องขังคดีจ้างวานฆ่า 2 แม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ได้มีการเสนอเรื่องมาก่อนถึง 7-9 เดือน อีกทั้งนายชลอเองก็ป่วยหมอนรองกระดูกทับไขสันหลัง และนายชลอยังติดคุกมาแล้ว 19 ปีเศษ จึงเข้าเกณฑ์พักโทษ

          สำหรับ นายชลอ เกิดเทศ เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2481 เป็นอดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย และอดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจติดตามเพชรของราชวงศ์ไฟซาล ซาอุดีอาระเบีย ในคดีขโมยเครื่องเพชรราชวงศ์ไฟซาล แห่งซาอุดีอาระเบีย และตกเป็นผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่า 2 แม่ลูกศรีธนะขัณฑ์ และในอดีตเคยดำรงยศ "พลตำรวจโท" แต่ต่อมาถูกถอดเสียอันเนื่องมาจากคดีดังกล่าว

ขอขอบพระคุณที่มาของข่าว :
ขอขอบพระคุณที่มาของข่าว :

ประกาศจากสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) สิ้นพระชนม์และเรื่องการแต่งกายไว้ทุกข์





สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ สิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้ วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตรงกับวันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เวลา ๑๙.๓๐ นาฬิกา สิริพระชนมายุ ๑๐๐ พระชันษา ๒๑ วัน

“..ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้ก็สำคัญนัก เป็นรอยต่อ เป็นทางแยก จะไปสูงไปต่ำ จะไปดี ไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด แล้วเลือกให้ดีเถิด..” พระโอวาทสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก

สนับสนุนเวปข่าวโดย:

  



Prom Pron Clean & Care
พรหมพรคลีนแอนด์แคร์
089-859-9919
น้ำยาล้างห้องน้ำดับกลิ่นฆ่าเชื้อคุณภาพสูง
ตัวยาสกัดจากสารของใบพืชที่ปราศจากพิษ
กำจัดกลิ่น ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคที่
ทรงประสิทธิภาพใช้ได้สะดวกปลอดภัย
ได้ผลอย่างแท้จริง

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

นายกสมาคมสื่อท้องถิ่น ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสครบรอบ 2 ปี ศูนย์การค้าเซนทรัล พลาซา พิษณุโลก



นายกสมาคมสื่อท้องถิ่น ส.ต.กริช พลเดชวิสัย ร่วมแสดงความยินดีกับ คุณมณฑาทิพย์ ทองคล้าย 
ในโอกาสครบรอบ 2 ปี ศูนย์การค้าเซนทรัล พลาซา พิษณุโลก
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พิษณุโลก เป็นศูนย์การค้าลำดับที่ 18 ภายใต้การบริหารงาน และดูแลโดย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือเรียกโดยย่อว่า “CPN” เป็นศูนย์การค้าที่มีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 100,000 ตารางเมตร และมีพื้นที่เช่าทั้งหมดประมาณ 28,500 ตารางเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้างโดยรวมประมาณ 2,400 ล้านบาท บนเนื้อที่ขนาด 105 ไร่ ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 9/99 ถนนสิงหวัฒน์ ตำบลพลายชุมพล อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก มีสถาปัตยกรรมของตัวโครงสร้างอาคารที่จำลองแบบมาจากเรือนแพ ที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดพิษณุโลกในอดีตที่ผ่านมา สาเหตุที่
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เลือกที่จะมาลงทุนในการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ ณ จังหวัดพิษณุโลก คือ ด้วยจังหวัดพิษณุโลกอยู่ในแผนยุทธ์ศาสตร์ของการพัฒนาประเทศที่มีทั้งหมด 13 จังหวัดที่เป็นจังหวัดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของไทย ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555-2559) จังหวัดพิษณุโลกเป็น 1 ใน 13 จังหวัดยุทธศาศตร์ ซึ่งพิษณุโลกเป็นเมืองศูนย์กลางทางราชการ การศึกษา การลงทุน อันดับต้น ๆ ในเขตภาคเหนือตอนล่าง มีความสะดวกสบายในด้านโลจิสติกส์ ด้วยจังหวัดพิษณุโลกมีถนนสายเอเชียตัดผ่านบริเวณ 4 แยกอินโดจีน ซึ่งสามารถเดินทางไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ได้สะดวกรวดเร็ว และสามารถเดินทางไปยังต่างประเทศได้อย่างสะดวก และ
สืบเนื่องจากที่ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน ได้ริเริ่มโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS) ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางการค้า การลงทุนอุตสาหกรรม การเกษตร และบริการ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยสนับสนุนให้มีการติดต่อและการแข่งขันระหว่างกันนั้น รัฐบาลจากประเทศสมาชิก GMS จึงได้กำหนดแนวพื้นที่เศรษฐกิจในลุ่มแม่น้ำโขงจำนวน 9 เส้นทางหลัก ให้เป็นแนวพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจของอนุภูมิภาค และหนึ่งในเส้นทางที่ขณะนี้กำลังเริ่ม
ปรากฏผลเชิงรูปธรรมได้แก่เส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) หรือเส้นทางหมายเลข 9 (R9) และด้วยจังหวัดพิษณุโลกมีระบบการคมนาคมขนส่งที่หลากหลาย ทั้งสนามบิน รถไฟ ถนนสายเอเชีย(สี่แยกอินโดจีน) และมีแม่น้ำไหลผ่าน 2 สาย ทำให้จังหวัดพิษณุโลกกลายเป็นแหล่งลงทุนแห่งใหม่ในเขตภูมิภาคภาคเหนือตอนล่างที่มีศักยภาพมากที่สุด และจังหวัดพิษณุโลกมีการกำหนดวิสัยของจังหวัดตามแผนยุทธศาสตร์ พัฒนาจังหวัด คือ พิษณุโลก : 
เมืองบริการสี่แยกอินโดจีน “ Phitsanulok Indochina 's Service city ” ซึ่งตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดจะส่งเสริมให้จังหวัดพิษณุโลกเป็นจุดศูนย์กลางของการขนส่ง หรือ Hub of Logistics ของภาคเหนือ
 บทความโดย ส.ต.กริช พลเดชวิสัย
นายกสมาคมสื่อท้องถิ่น


สนับสนุนเวปข่าวโดย:

  ภาพในบรรทัด 3

Prom Pron Clean & Care
พรหมพรคลีนแอนด์แคร์
089-859-9919
น้ำยาล้างห้องน้ำดับกลิ่นฆ่าเชื้อคุณภาพสูง
ตัวยาสกัดจากสารของใบพืชที่ปราศจากพิษ
กำจัดกลิ่น ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคที่
ทรงประสิทธิภาพใช้ได้สะดวกปลอดภัย
ได้ผลอย่างแท้จริง

K-Cyber Banking ฝากข่าวเตือนภัย ระวังโปรแกรมโทรจัน/สปายแวร์ และ SMSปลอม


ฝากข่าวเตือนภัย ระวังโปรแกรมโทรจัน/สปายแวร์ และ SMSปลอม
แจ้งระวังโปรแกรมโทรจัน/สปายแวร์ จาก SMS ปลอมและอีเมล์ปลอม
 สนับสนุนเวปข่าวโดย:


  ภาพในบรรทัด 3

Prom Pron Clean & Care
พรหมพรคลีนแอนด์แคร์
089-859-9919
น้ำยาล้างห้องน้ำดับกลิ่นฆ่าเชื้อคุณภาพสูง
ตัวยาสกัดจากสารของใบพืชที่
ปราศจากพิษ
กำจัดกลิ่น ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคที่

ทรงประสิทธิภาพใช้ได้สะดว
กปลอดภัย
ได้ผลอย่างแท้จริง

แอร์เอเชียเตรียมเปิดเที่ยวบินเส้น ทางใหม่ พิษณุโลก – กรุงเทพ 2 เที่ยวบินต่อวัน ให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ 320 ลำใหม่



แอร์เอเชียเตรียมเปิดเที่ยวบินเส้น ทางใหม่ พิษณุโลก – กรุงเทพ 2 เที่ยวบินต่อวัน ให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ 320 ลำใหม่ 180 ที่นั่งทุกเที่ยวบิน เริ่มบิน 30 พฤศจิกายนศกนี้



    บ่ายวันนี้ ( 22 ต.ค.56 ) ที่โรงแรมอัมรินทร์ลากูล อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก สายการบินไทยแอร์เอเชีย จัดสัมมนาเรื่องการเปิดเส้นทางการบินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย และการพัฒนาการบินสายพิษณุโลกไปสู่ภูมิภาคต่างๆของประเทศและต่างประเทศ โดยมีสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมการสัมมนากันอย่างคึกคัก ด้านนายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า จังหวัดพิษณุโลกพิษณุโลก ถือเป็นศูนย์กลางของภาคเหนือตอนล่าง ทั้งด้านคมนาคมขนส่ง เชื่อมระหว่างจังหวัดและภาคต่างๆ ทั้งด้านธุรกิจและท่องเที่ยวที่ดี ถือเป็นโอกาสดีในการสร้างเครือข่ายการบินภายในประเทศที่เข้มแข็งมากขึ้น
 
 https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141df7098b491ca5&attid=0.9&disp=inline&realattid=f_hn2x06v08&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382501275143&sads=blUk4mQ_Av5j2JuWWFxd6LNfSKg
พร้อมเสนอทางเลือกให้กับชาวพิษณุ โลก ทั้งภาคราชการ การท่องเที่ยวและการลงทุน โดยชูจุดเด่นของแอร์เอเชีย ทั้งเครื่องบินใหม่ทุกเที่ยวบิน และความตรงต่อเวลา ทุกคนจึงบินได้อย่างสบายใจ หายห่วง ไม่พลาดนัดสำคัญแน่นอน ทั้งนี้แอร์เอเชียพร้อมเปิดบินพิษณุโลก – กรุงเทพ 2 เที่ยวบินต่อวัน เชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับทุกคน โดยเฉพาะภาคราชการ การศึกษาและการสัมมนา ที่จะสะดวกเดินทางแบบเช้าไป เย็นกลับได้ 

https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141df7098b491ca5&attid=0.7&disp=inline&realattid=f_hn2wy57j6&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382501119021&sads=Oa4trDEjtmMdkHNtu-qD5kGjXTM
https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141df7098b491ca5&attid=0.2&disp=inline&realattid=f_hn2wy5681&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382501339516&sads=lWs3nQc3QQYoYKgri3pzhnEssys

https://mail-attachment.googleusercontent.com/attachment/u/0/?ui=2&ik=85b7e1c548&view=att&th=141df7098b491ca5&attid=0.8&disp=inline&realattid=f_hn2wy57y7&safe=1&zw&saduie=AG9B_P9hy7F_ImMgwLHscLVb9l3c&sadet=1382501150312&sads=PfJbp46AKnyySZokGRwfd_15yRA
   สำหรับในปัจจุบันจังหวัดพิษณุโลกและพื้นที่ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้ถูกวางยุทธศาสตร์ให้เป็นเมืองศูนย์กลางที่เป็นประตูสู่สี่แยกอินโดจีน รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาระบบการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่กำลังจะมาถึงในปี 2558 ดังนั้นการที่สายการบินไทยแอร์เอเซียร่วมกับคณะกรรมการ กกร.จังหวัดพิษณุโลก และมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้กำหนดจัดการสัมมนาในครั้งนี้ขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้ภาคธุรกิจ ภาครัฐ ภาคการศึกษา 
 
 และภาคประชาชนได้ตื่นตัวต่อการเจริญเติบโตในภูมิภาคและการเปิดเส้นทางใหม่ของสายการบินไทยแอร์เอเซีย และถือได้ว่าเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาเส้นทางการบินจากจังหวัดพิษณุโลกไปสู่ภูมิภาคต่างๆของประเทศและต่างประเทศในอนาคตต่อไป ซึ่งผู้โดยสารที่สนใจจะเดินทางไปกับสายการบินแอร์เอเซีย เที่ยวบินพิษณุโลก – กรุงเทพ สามารถสำรองที่นั่งได้ทาง www.airasia.com หรือแอร์เอเชีย โมบายล์ แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์ไอโฟน แอนดรอยด์ และแบล็กเบอร์รี่ เวอร์ชั่น 10 หรือทาง Call Center โทร 02 – 5159999 หรือผ่านทางตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการรับรองจากแอร์เอเชีย โดยจะให้บริการเที่ยวบินแรกในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 นี้เป็นต้นไป
ขอขอบพระคุณ


ประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก


เนื้อหาและภาพข่าวโดย เสรีย์ ศรีพราย  , Warunyu Boonlue




สนับสนุนเวปข่าวโดย: