เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 16 ก.ค. พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบช.ภ.5 รักษาราชการ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.วีระวุฒิ เนียมน้อย รอง ผบก.ภ.จว. พ.ต.ท.มาโนช สุดสวาท รอง ผกก.ป สภ.ดอยสะเก็ด พร้อมชุดสืบสวนภาค 5 แถลงจับกุมแก๊งเรียกค่าไถ่ ประกอบด้วย นายธีรนัย มหาพรหม อายุ 53 ปี ชาวพังงา นายไทย กาวิละ อายุ 62 ปี ชาวเชียงราย นายสมนึก บุญชูยิ่ง อายุ 57 ปี ชาวเพชรบุรี และนายพงษ์พันธ์ แจ่มดอน อายุ 42 ปี พร้อมของกลางรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน 2 กญ-4905 กท.รถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ทะเบียน ขร-5602เชียงใหม่ อาวุธปืนขนาด 9 มม. พร้อมเครื่องกระสุน 12 นัด ได้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่
พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วกันก่อเหตุลักพาตัวนายธนศิษฐ์ ตรีพลเศรษฐ์ อายุ 44 ปี และน.ส.วธัญญา ราชานนท์ อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา หลังทั้งคู่ตรวจเช็คร่างกายที่ รพ.ดอยสะเก็ด เสร็จสิ้น และกำลังจะขึ้นรถกลับบ้าน โดยคนร้ายได้ผู้ต้องหาทั้งสองไปกักขังหน่วงเหนี่ยวในห้องพัก ภายในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งในเขต อ.สันทราย ก่อนจะทำร้ายร่างกาย และชิงสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 9 บาท พร้อมข่มขู่เรียกเงินสด 5 ล้านบาทจากญาติเพื่อแลกกับอิสรภาพของผู้เสียหาย ญาติ ๆ จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้นเจ้าหน้าที่กก.สส.บชภ.5 จึงวางแผนให้ญาติโทรนัดหมายคนร้ายมารับเงินจำนวนดังกล่าว ช่วงดึกวันที่ 15 ก.ค. ก่อนซ้อนแผนเข้าจับกุม และช่วยเหลือผู้เสียหายได้โดยปลอดภัย อย่างไรก้ตามยังมีผู้ต้องหาอีก 2 รายที่หลบหนีไปได้ คือนายบอยและนายเล็ก ซึ่งแนวทางการสืบสวนทราบว่า นายบอย เป็นคนดูแลบ่อนใหญ่ในกรุงเทพฯ สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า ผู้เสียหายติดหนี้สินค่ายาเสพติดกลุ่มตนเป็นเงิน 30 ล้านบาท โดยนายธนศิษฐ์ เคยติดคุกคดียาเสพติดนานกว่า 2 ปี แต่อุทธรณ์พ้นคดีออกมากลุ่มผู้ต้องหาจึงตามมาทวงหนี้สินที่ค้างไว้
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นคำชัดทอดของผู้ต้องหาที่ถูกจับอ้างว่านายธนศิษฐ์นั้นสมัยก่อนเป็นพ่อค้ายารายใหญ่ที่รับยามาจากชายแดนมาจำหน่ายใน จ.เชียงใหม่ และเป็นหนี้ นายบอย ซึ่งคุมบ่อยและค้ายารายใหญ่ในกรุงเทพจำนวน 30 ล้านบาท พอออกจากคุกมานายบอยก็พาคนมาทวงหนี้ และบอกว่าถ้าทวงได้เท่าไหร่ก็จะได้ครึ่งหนึ่งนำไปแบ่งกัน หลังผู้ต้องหาให้ปากคำเราก็มีการสอบสวนปากคำนายธนศิษฐ์แต่เขาก็ไม่ยอมให้การใด ๆเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอีก ซึ่งตรงนี้ตนก็ได้มีคำสั่งให้ชุดทำงานทำการสืบสวนสอบสวนเชิงลึก หากพบมีมูลหรือมีการกระทำผิดก็อาจจะมีการดำเนินการเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องที่หลบหนีเราก็ทราบว่าหนีไปกบดานที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะได้สืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไปเบื้องต้นแจ้งข้อหา "ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมควบคุมตัวส่ีงดำเนินคดีต่อไป.
สำนักข่าวWiFi Phitsanulok
ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2014-07-22 18:02:04
เวลาโพส2014-07-22 18:02:04
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น