วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ตะกร้อลอดห่วงชายเข้าแคมป์ลุยคิงส์คัพ


    ความเคลื่อนไหวของทีมตะกร้อลอดห่วงชายทีมชาติไทย ชุดลุยศึกตะกร้อชิงแชมป์โลก "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 29 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-10 ส.ค.นี้ ที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา กรุงเทพฯ ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา สมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย มีกำหนดเรียกตัวนักกีฬาทีมชาติในจำนวน 6 คน ประกอบด้วย "หลงตีนจรวด" ณราชัย ชูเมืองกุศล, เอกชัย มาสุข, เอกรวี รื่นราพา ซึ่งเป็น 3 ขุนพลตัวเก๋าเจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 27 "เนปิดอว์เกมส์" ที่ประเทศเมียนมาร์ พร้อมด้วยนักกีฬาหน้าใหม่ที่เพิ่งมีโอกาสรับใช้ชาติ ได้แก่ ไชยา วัฒถาโน, นพดล คงแถวทอง และพิทยา พลอยเจริญ เข้ามารายงานตัวสู่แคมป์ฝึกซ้อมที่โรงแรมวีเทรน ย่านดอนเมือง เรียบร้อยแล้ว

     นายสมส่วน มนัสตรง หัวหน้าผู้ฝึกสอนตะกร้อลอดห่วงชายทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่สมาคมตะกร้อฯ เปิดคัดเลือกนักกีฬาลอดห่วงชาย เพื่อเข้าสู่แคมป์ทีมชาติเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ จ.นครปฐม นั้น ซึ่งขณะนี้ทีมงานผู้ฝึกสอนได้วางนโยบายเรียกผู้เล่น 6 คนดังกล่าวเข้าสู่แคมป์ทีมชาติอย่างเป็นทางการ หลังจากนี้นักกีฬาจะเข้าสู่โปรแกรมการฝึกซ้อมที่เข้มข้นทันที เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนล่าทองตะกร้อลอดห่วงสากลชายในศึกคิงส์คัพ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าระยะเวลาการฝึกซ้อมจะค่อนข้างน้อย แต่นักกีฬาทุกคนล้วนมีความพร้อมฟิตสมบูรณ์ดีมาก เนื่องจากล่าสุดนักกีฬาเพิ่งลงเล่นในศึกชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2557 และตะกร้อลอดห่วงอาชีพเพิ่งจบการแข่งขันไปเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา นั่นเอง    

     เฮดโค้ชลอดห่วงชาย กล่าวต่อว่า ช่วงระยะเวลาการเก็บตัวก่อนลุยศึกคิงส์คัพปีนี้นั้น ทีมงานผู้ฝึกสอนจะเริ่มจากการปรับจูนทีมพร้อมกับเร่งฝึกซ้อมเสริมสร้างความแม่นยำในการเตะส่งลูกเข้าห่วงให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น สำหรับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดมองไปที่ทีมตะกร้อลอดห่วงสกุลหม่อง เพราะว่าก่อนหน้านี้ในศึกซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมา ทีมไทยชิงเหรียญทองพบกับเมียนมาร์ ซึ่งในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวนั้นทีมไทยคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ แต่คะแนนไม่ทิ้งห่างทีมเมียนมาร์มากนัก ทำให้คิงส์คัพหนนี้ทีมไทยจะไม่ประมาทเด็ดขาด พร้อมกับวางเป้าหมายคว้าแชมป์มาครองเหมือนเดิม.

สำนักข่าวWiFi Phitsanulok



ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th


เวลาโพส2014-07-17 18:22:05

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น