วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

จีนแซงสหรัฐครองแชมป์เงินทุนเอฟดีไอมากที่สุด




สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ว่าองค์กรการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ( อังค์ถัด ) เผยรายงานแนวโน้มกระแสเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ( เอฟดีไอ ) ประจำปี 2557 ว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 1.26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 41.58 ล้านล้านบาท ) ลดลงจากปีก่อนหน้านี้ราวร้อยละ 8


ทั้งนี้ หากจำแนกเป็นรายประเทศพบว่า จีน เป็นประเทศได้รับเอฟดีไอสูงที่สุดในโลก 128,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 4.22 ล้านล้านบาท ) ครองอันดับ 1 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2546 ตามด้วยฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตบริหารพิเศษของจีน 111,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3.66 ล้านล้านบาท ) สหรัฐแชมป์เก่าตกไปอยู่ในอันดับ 3 ด้วยสถิติ 86,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.83 ล้านล้านบาท ) ลดลงจากสถิติเมื่อปี 2556 ถึงร้อยละ 63


อันดับ 4 เป็นของสิงคโปร์ 81,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.67 ล้านล้านบาท ) บราซิลอยู่ในอันดับ 5 ด้วยสถิติ  62,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.04 ล้านล้านบาท ) ขณะที่อันดับ 6-10 ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก


อย่างไรก็ตาม อังค์ถัดวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปีนี้ น่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศได้อีกครั้ง  ด้านภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียแม้จะซบเซาตลอดทั้งปีที่แล้ว แต่เอฟดีไอยังเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ร้อยละ 15 มาอยู่ที่ 492,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 16.2 ล้านล้านบาท )




สำนักข่าวWiFi Phitsanulok

ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-01-30 16:44:37





จีนแซงสหรัฐครองแชมป์เงินทุนเอฟดีไอมากที่สุด
http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/950216.jpeg




สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ว่าองค์กรการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ( อังค์ถัด ) เผยรายงานแนวโน้มกระแสเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ( เอฟดีไอ ) ประจำปี 2557 ว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 1.26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 41.58 ล้านล้านบาท ) ลดลงจากปีก่อนหน้านี้ราวร้อยละ 8


ทั้งนี้ หากจำแนกเป็นรายประเทศพบว่า จีน เป็นประเทศได้รับเอฟดีไอสูงที่สุดในโลก 128,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 4.22 ล้านล้านบาท ) ครองอันดับ 1 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2546 ตามด้วยฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตบริหารพิเศษของจีน 111,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3.66 ล้านล้านบาท ) สหรัฐแชมป์เก่าตกไปอยู่ในอันดับ 3 ด้วยสถิติ 86,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.83 ล้านล้านบาท ) ลดลงจากสถิติเมื่อปี 2556 ถึงร้อยละ 63


อันดับ 4 เป็นของสิงคโปร์ 81,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.67 ล้านล้านบาท ) บราซิลอยู่ในอันดับ 5 ด้วยสถิติ  62,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.04 ล้านล้านบาท ) ขณะที่อันดับ 6-10 ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก


อย่างไรก็ตาม อังค์ถัดวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปีนี้ น่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศได้อีกครั้ง  ด้านภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียแม้จะซบเซาตลอดทั้งปีที่แล้ว แต่เอฟดีไอยังเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ร้อยละ 15 มาอยู่ที่ 492,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 16.2 ล้านล้านบาท )




สำนักข่าวWiFi Phitsanulok

ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-01-30 16:44:37






สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ว่าองค์กรการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ( อังค์ถัด ) เผยรายงานแนวโน้มกระแสเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ( เอฟดีไอ ) ประจำปี 2557 ว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 1.26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 41.58 ล้านล้านบาท ) ลดลงจากปีก่อนหน้านี้ราวร้อยละ 8

ทั้งนี้ หากจำแนกเป็นรายประเทศพบว่า จีน เป็นประเทศได้รับเอฟดีไอสูงที่สุดในโลก 128,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 4.22 ล้านล้านบาท ) ครองอันดับ 1 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2546 ตามด้วยฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตบริหารพิเศษของจีน 111,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3.66 ล้านล้านบาท ) สหรัฐแชมป์เก่าตกไปอยู่ในอันดับ 3 ด้วยสถิติ 86,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.83 ล้านล้านบาท ) ลดลงจากสถิติเมื่อปี 2556 ถึงร้อยละ 63

อันดับ 4 เป็นของสิงคโปร์ 81,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.67 ล้านล้านบาท ) บราซิลอยู่ในอันดับ 5 ด้วยสถิติ  62,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 2.04 ล้านล้านบาท ) ขณะที่อันดับ 6-10 ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก

อย่างไรก็ตาม อังค์ถัดวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปีนี้ น่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศได้อีกครั้ง  ด้านภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาของเอเชียแม้จะซบเซาตลอดทั้งปีที่แล้ว แต่เอฟดีไอยังเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ร้อยละ 15 มาอยู่ที่ 492,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 16.2 ล้านล้านบาท )


สำนักข่าวWiFi Phitsanulok

ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-01-30 16:44:37

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น