วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

โสมเหนือประกาศเข้าสู่ภาวะ'สงคราม'กับเกาหลีใต้

Pic_335797
เกาหลีเหนือประกาศสู่ภาวะสงครามกับเกาหลีใต้แล้ว หลังจากประกาศยกเลิกข้อตกลงสงบศึก และข่มขู่โจมตีสหรัฐฯ และเกาหลีใต้หลายครั้ง...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่า เกาหลีเหนือประกาศว่า ขณะนี้ได้เข้าสู่ภาวะสงครามกับเกาหลีใต้แล้ว และจะมีการตอบโต้ทางกายภาพอย่างรุนแรง ต่อท่าทียั่วยุใดๆ ขณะที่สหรัฐฯ ออกมาประณามประกาศดังกล่าวของเกาหลีเหนือ ส่วนจีนและรัสเซียเรียกร้องให้ทุกฝ่ายผ่อนคลายความตึงเครียดลง
เกาหลีเหนือออกแถลงการเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ ระบุว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ จะเข้าสู่ภาวะสงคราม และปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเหนือและใต้ จะได้รับการจัดการอย่างสาสม สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีที่อยู่ในภาวะสงบสุข ไม่ใช่สงครามไม่เชิง ซึ่งดำเนินมาอย่างยาวนาน ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ท่าทีล่าสุดของเกาหลีเหนือ มีขึ้นหลังจากเมื่อวันพฤหัสบดี ผู้นำสูงสุด คิม จอง อึน แถลงว่า ได้เวลาชำระหนี้กับจักรวรรดิทุนนิยมอย่างสหรัฐฯ แล้ว พร้อมทั้งสั่งติดตั้งจรวดเพื่อโจมตีแผ่นดินไหญ่และฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะกวม ฮาวาย และเกาหลีใต้ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนรุ่น 'บี-2' ร่วมซ้อมรบกับเกาหลีใต้
ในเวลาต่อมา จอช เอียร์เนสต์ โฆษกทำเนียบขาว ออกมาประณามเกาหลีเหนือ และกล่าวว่า การพูดกระตุ้นให้เกิดสงครามเช่นนี้ มีแต่จะทำให้เกาหลีเหนือถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นเท่านั้น ด้านนาย หง เล่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีน กล่าวในการแถลงข่าวว่า จำเป็นต้องใช้ความพยายามร่วมกัน เพื่อผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดนี้
ขณะเดียวกัน นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวว่า เราไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์บานปลายจนอยู่เหนือการควบคุม จนเข้าสู่วงจรของความโหดร้าย
ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือขู่โจมตีสหรัฐฯ และเกาหลีใต้หลายครั้ง ทั้งขู่โจมตีสหรัฐฯ ด้วยระเบิดนิวเคลียร์ ประกาศยกเลิกข้อตกลงสงบศึกสมัยสงครามเกาหลีปี 1953 กับเกาหลีใต้ อย่างไรก็ดี โดยเทคนิคแล้ว เกาหลีเหนือและใต้ยังอยู่ในภาวะสงคราม แม้สงครามจะสิ้นสุดลงเมื่อปี 1953 เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่บรรลุสนธิสัญญาสันติภาพ
อนึ่ง นักวิเคราะห์เชื่อว่า ขีปนาวุธที่ทันสมัยที่สุดที่เกาหลีเหนือครอบครอง สามารถโจมตีได้ไกลถึงรัฐอะแลสกา แต่ไม่ถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ.
 ข่าวโดย ไทยรัฐ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น