วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ชาวเชียงใหม่ต้านป้ายแอลอีดียักษ์




เมื่อเวลา13.00 น.วันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักท่องโลไซเบอร์ต่างพากันออกมาต่อต้านเรื่องจอแอลอีดีขนาดยักษ์ ที่ติดตั้งบริเวณมุมโค้ง หน้าสำนักงานท่องเที่ยวของเทศบาลนครเชียงใหม่ ใกล้กับสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันตก ตรงข้ามจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ถนนท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยอ้างเหตุผลว่า ทำให้ทัศนียภาพด้านการท่องเที่ยวเสียหายเนื่องจากแสงสว่างจากจอโทรทัศน์ อาจจะรบกวนสายตาผู้ใช้รถ ใช้ถนนรวมทั้งบดบังทัศนียภาพของเมืองเก่าแก่อย่างเชียงใหม่ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรม การนำป้ายดังกล่าวมาติดตั้งจึงไม่เหมาะสมประกอบกับจังหวัดเชียงใหม่มีป้ายลักษณะเดียวกันอยู่หลายจุด จึงขอให้มีการทบทวนรื้อถอนออกไป ซึ่งมีการกดไลค์และกดแชร์ข้อความดังกล่าวเป็นจำนวนมากต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบป้ายดังกล่าวว่าเป็นอย่างไรซึ่งก็พบว่ามีขนาดใหญ่ จำนวน 2 ป้าย อยู่บริเวณหัวมุมโค้ง



ด้านนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เปิดเผยถึงเรื่องป้ายแอลอีดียักษ์ดังกล่าวว่า ขณะนี้เทศบาลนครเชียงใหม่ได้ตั้งกล้องวงจรปิดในเขตตัวเมืองทั้งหมดเพื่อช่่วยเพิ่มความปลอดภัยในชีวิต และช่วยในการติดตามคนร้ายและเรื่องการจราจร เพราะเป็นประเด็นรองแต่ประเด็นหลักคืออยากให้คนเชียงใหม่ และคนที่จะกระทำความผิดในรูปแบบต่าง ๆไม่ว่าจะด้านอาชญากรรม ลักทรัพย์ ล้วงกระเป๋า วิ่งราวทรัพย์ จะข่มขืน ฉุดคน ปล้นทรัพย์หรือเหตุการณ์อื่นๆ จะได้รู้ว่า ตรงนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่จะได้ไม่กล้ากระทำความผิด และจะเห็นว่าถ้าทำผิดไปจะต้องถูกจับได้แน่นอน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้คนรู้ว่าเชียงใหม่ติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว และจุดที่เด่นก็คือบริเวณดังกล่าว ตอนแรกคิดจะนำไปติดบริเวณประตูท่าแพหรือบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ แต่ก็กลัวกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากเกินไป ดังนั้นจึงนำมาปรับไว้ที่ด้านหน้าสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว ปัจจุบันยอมรับว่าคนต่างถิ่นมากกว่าคนในท้องถิ่นอีกเพราะตอนนี้เราเป็นเมืองเปิด แต่การคัดกรองคนของเรายังไม่เข้มข้นมากจึงมีทั้งคนที่ดีและคนที่ประสงค์ร้าย จึงสมควรที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคนในพื้นที่โดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดก็เป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยได้



นอกจากนี้ก็จะใช้ในการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นสาธารณะประโยชน์ ให้ชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยว ได้รับทราบ อีกทั้งในวันเปิดกิจกรรมขบวนแห่รถงานเทศกาลไม้ดอกไม้ประดับช่วงเช้าวันที่ 7 ก.พ. ก็จะมีการถ่ายทอดสดขึ้นป้ายดังกล่าวเช่นกัน และจากประเด็นที่ถามว่าเมื่อติดกล้องแล้วจะลดปัญหาด้านอาชญากรรม และอุบัติเหตุได้จริงหรือไม่นั้นในเรื่องนี้ก็ยืนยันได้ว่า แม้ว่าปัญหาอาชญากรรม และอุบัติเหตุยังคงมีอยู่แต่เมื่อดูสถิติของต่างประเทศ ที่มีการติดกล้องวงจรปิดแบบนี้ ก็ทำให้ปัญหาต่างๆโดยเฉพาะอาชญากรรมลดลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ซึ่งงบประมาณที่ลงทุนไปในการติดตั้งครั้งแรกนี้ ใช้งบ 30ล้านบาท และในอนาคตจะติดตั้งให้ครอบคลุมในเขตพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งหมดรวม 300 ล้านบาทแต่เนื่องจากเป็นงบประมาณที่สูง จึงต้องค่อยๆ ทำไปทีละจุดและได้วางตำแหน่งในการติดตั้งไว้สำหรับงบประมาณหน้าแล้วเช่นกัน.






สำนักข่าวWiFi Phitsanulok

ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-02-06 00:28:14





ชาวเชียงใหม่ต้านป้ายแอลอีดียักษ์
http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/955581.jpeg




เมื่อเวลา13.00 น.วันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักท่องโลไซเบอร์ต่างพากันออกมาต่อต้านเรื่องจอแอลอีดีขนาดยักษ์ ที่ติดตั้งบริเวณมุมโค้ง หน้าสำนักงานท่องเที่ยวของเทศบาลนครเชียงใหม่ ใกล้กับสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันตก ตรงข้ามจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ถนนท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยอ้างเหตุผลว่า ทำให้ทัศนียภาพด้านการท่องเที่ยวเสียหายเนื่องจากแสงสว่างจากจอโทรทัศน์ อาจจะรบกวนสายตาผู้ใช้รถ ใช้ถนนรวมทั้งบดบังทัศนียภาพของเมืองเก่าแก่อย่างเชียงใหม่ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรม การนำป้ายดังกล่าวมาติดตั้งจึงไม่เหมาะสมประกอบกับจังหวัดเชียงใหม่มีป้ายลักษณะเดียวกันอยู่หลายจุด จึงขอให้มีการทบทวนรื้อถอนออกไป ซึ่งมีการกดไลค์และกดแชร์ข้อความดังกล่าวเป็นจำนวนมากต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบป้ายดังกล่าวว่าเป็นอย่างไรซึ่งก็พบว่ามีขนาดใหญ่ จำนวน 2 ป้าย อยู่บริเวณหัวมุมโค้ง



ด้านนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เปิดเผยถึงเรื่องป้ายแอลอีดียักษ์ดังกล่าวว่า ขณะนี้เทศบาลนครเชียงใหม่ได้ตั้งกล้องวงจรปิดในเขตตัวเมืองทั้งหมดเพื่อช่่วยเพิ่มความปลอดภัยในชีวิต และช่วยในการติดตามคนร้ายและเรื่องการจราจร เพราะเป็นประเด็นรองแต่ประเด็นหลักคืออยากให้คนเชียงใหม่ และคนที่จะกระทำความผิดในรูปแบบต่าง ๆไม่ว่าจะด้านอาชญากรรม ลักทรัพย์ ล้วงกระเป๋า วิ่งราวทรัพย์ จะข่มขืน ฉุดคน ปล้นทรัพย์หรือเหตุการณ์อื่นๆ จะได้รู้ว่า ตรงนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่จะได้ไม่กล้ากระทำความผิด และจะเห็นว่าถ้าทำผิดไปจะต้องถูกจับได้แน่นอน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้คนรู้ว่าเชียงใหม่ติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว และจุดที่เด่นก็คือบริเวณดังกล่าว ตอนแรกคิดจะนำไปติดบริเวณประตูท่าแพหรือบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ แต่ก็กลัวกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากเกินไป ดังนั้นจึงนำมาปรับไว้ที่ด้านหน้าสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว ปัจจุบันยอมรับว่าคนต่างถิ่นมากกว่าคนในท้องถิ่นอีกเพราะตอนนี้เราเป็นเมืองเปิด แต่การคัดกรองคนของเรายังไม่เข้มข้นมากจึงมีทั้งคนที่ดีและคนที่ประสงค์ร้าย จึงสมควรที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคนในพื้นที่โดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดก็เป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยได้



นอกจากนี้ก็จะใช้ในการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นสาธารณะประโยชน์ ให้ชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยว ได้รับทราบ อีกทั้งในวันเปิดกิจกรรมขบวนแห่รถงานเทศกาลไม้ดอกไม้ประดับช่วงเช้าวันที่ 7 ก.พ. ก็จะมีการถ่ายทอดสดขึ้นป้ายดังกล่าวเช่นกัน และจากประเด็นที่ถามว่าเมื่อติดกล้องแล้วจะลดปัญหาด้านอาชญากรรม และอุบัติเหตุได้จริงหรือไม่นั้นในเรื่องนี้ก็ยืนยันได้ว่า แม้ว่าปัญหาอาชญากรรม และอุบัติเหตุยังคงมีอยู่แต่เมื่อดูสถิติของต่างประเทศ ที่มีการติดกล้องวงจรปิดแบบนี้ ก็ทำให้ปัญหาต่างๆโดยเฉพาะอาชญากรรมลดลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ซึ่งงบประมาณที่ลงทุนไปในการติดตั้งครั้งแรกนี้ ใช้งบ 30ล้านบาท และในอนาคตจะติดตั้งให้ครอบคลุมในเขตพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งหมดรวม 300 ล้านบาทแต่เนื่องจากเป็นงบประมาณที่สูง จึงต้องค่อยๆ ทำไปทีละจุดและได้วางตำแหน่งในการติดตั้งไว้สำหรับงบประมาณหน้าแล้วเช่นกัน.






สำนักข่าวWiFi Phitsanulok

ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-02-06 00:28:14






เมื่อเวลา13.00 น.วันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักท่องโลไซเบอร์ต่างพากันออกมาต่อต้านเรื่องจอแอลอีดีขนาดยักษ์ ที่ติดตั้งบริเวณมุมโค้ง หน้าสำนักงานท่องเที่ยวของเทศบาลนครเชียงใหม่ ใกล้กับสะพานนวรัฐ ฝั่งตะวันตก ตรงข้ามจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ถนนท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยอ้างเหตุผลว่า ทำให้ทัศนียภาพด้านการท่องเที่ยวเสียหายเนื่องจากแสงสว่างจากจอโทรทัศน์ อาจจะรบกวนสายตาผู้ใช้รถ ใช้ถนนรวมทั้งบดบังทัศนียภาพของเมืองเก่าแก่อย่างเชียงใหม่ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรม การนำป้ายดังกล่าวมาติดตั้งจึงไม่เหมาะสมประกอบกับจังหวัดเชียงใหม่มีป้ายลักษณะเดียวกันอยู่หลายจุด จึงขอให้มีการทบทวนรื้อถอนออกไป ซึ่งมีการกดไลค์และกดแชร์ข้อความดังกล่าวเป็นจำนวนมากต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบป้ายดังกล่าวว่าเป็นอย่างไรซึ่งก็พบว่ามีขนาดใหญ่ จำนวน 2 ป้าย อยู่บริเวณหัวมุมโค้ง

ด้านนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ เปิดเผยถึงเรื่องป้ายแอลอีดียักษ์ดังกล่าวว่า ขณะนี้เทศบาลนครเชียงใหม่ได้ตั้งกล้องวงจรปิดในเขตตัวเมืองทั้งหมดเพื่อช่่วยเพิ่มความปลอดภัยในชีวิต และช่วยในการติดตามคนร้ายและเรื่องการจราจร เพราะเป็นประเด็นรองแต่ประเด็นหลักคืออยากให้คนเชียงใหม่ และคนที่จะกระทำความผิดในรูปแบบต่าง ๆไม่ว่าจะด้านอาชญากรรม ลักทรัพย์ ล้วงกระเป๋า วิ่งราวทรัพย์ จะข่มขืน ฉุดคน ปล้นทรัพย์หรือเหตุการณ์อื่นๆ จะได้รู้ว่า ตรงนี้มีกล้องวงจรปิดอยู่จะได้ไม่กล้ากระทำความผิด และจะเห็นว่าถ้าทำผิดไปจะต้องถูกจับได้แน่นอน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้คนรู้ว่าเชียงใหม่ติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว และจุดที่เด่นก็คือบริเวณดังกล่าว ตอนแรกคิดจะนำไปติดบริเวณประตูท่าแพหรือบริเวณอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ แต่ก็กลัวกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากเกินไป ดังนั้นจึงนำมาปรับไว้ที่ด้านหน้าสำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว ปัจจุบันยอมรับว่าคนต่างถิ่นมากกว่าคนในท้องถิ่นอีกเพราะตอนนี้เราเป็นเมืองเปิด แต่การคัดกรองคนของเรายังไม่เข้มข้นมากจึงมีทั้งคนที่ดีและคนที่ประสงค์ร้าย จึงสมควรที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคนในพื้นที่โดยการติดตั้งกล้องวงจรปิดก็เป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถช่วยได้

นอกจากนี้ก็จะใช้ในการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นสาธารณะประโยชน์ ให้ชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยว ได้รับทราบ อีกทั้งในวันเปิดกิจกรรมขบวนแห่รถงานเทศกาลไม้ดอกไม้ประดับช่วงเช้าวันที่ 7 ก.พ. ก็จะมีการถ่ายทอดสดขึ้นป้ายดังกล่าวเช่นกัน และจากประเด็นที่ถามว่าเมื่อติดกล้องแล้วจะลดปัญหาด้านอาชญากรรม และอุบัติเหตุได้จริงหรือไม่นั้นในเรื่องนี้ก็ยืนยันได้ว่า แม้ว่าปัญหาอาชญากรรม และอุบัติเหตุยังคงมีอยู่แต่เมื่อดูสถิติของต่างประเทศ ที่มีการติดกล้องวงจรปิดแบบนี้ ก็ทำให้ปัญหาต่างๆโดยเฉพาะอาชญากรรมลดลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ซึ่งงบประมาณที่ลงทุนไปในการติดตั้งครั้งแรกนี้ ใช้งบ 30ล้านบาท และในอนาคตจะติดตั้งให้ครอบคลุมในเขตพื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งหมดรวม 300 ล้านบาทแต่เนื่องจากเป็นงบประมาณที่สูง จึงต้องค่อยๆ ทำไปทีละจุดและได้วางตำแหน่งในการติดตั้งไว้สำหรับงบประมาณหน้าแล้วเช่นกัน.


สำนักข่าวWiFi Phitsanulok

ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-02-06 00:28:14

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น