ทึ่ง...ความทางสามารถทางด้าน "ทันตกรรม" ของชาวมายาในอดีต - 9ZeanHotPost - 9เซียนสุดยอดนักโพส - By-9Zean.Com
http://pixserv.clipmass.com/upload/picture/full/86/602283e1809763e0b0c46effa37cfb84.jpg
สำนักข่าว WiFi พิษณุโลก
ว่าด้วยเรื่องการทดลองที่สยองขวัญ และหลอนที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยการทำการทดลองกับนักโทษ 5 นายโดยไม่ให้นอนเป็นเวลา 15 วันโดยใช้แก๊สชนิดหนึ่งเป็นตัวกระตุ้นไม่ให้นอนหลับ พวกเขาถูกกักขังไว้ในสภาพแวดล้อมที่ปิดตายแล้วส่งแก๊สเข้าไปในห้องอย่าง ระมัดระวัง เพิ่อไม่ให้แก๊สนั้นฆ่าพวกเขา ซึ่งเป็นแก๊สที่มีความเข้มข้นสูง พวกเขามีเพียงแค่ไมโครโฟน และหน้าต่างกลมๆหนา 5 นิ้วข้างในห้องเพื่อที่จะใช้สังเกตุการณ์พวกเขา
ห้าวันแรก
นักทดลองได้ให้สัญญาแบบหลอกๆกับนักโทษว่าพวกเขาจะถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ ถ้าสามารถทำการทดลองสำเร็จ และไม่หลับเป็นเวลา 30 วัน พวกเขาได้พูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เจ็บปวดใจในอดีตของพวกเขา แล้วน้ำเสียงของพวกเขาในการ พูดดูหดหู่ เศร้าหมองลงหลังจากสี่วันในการทำการทดลอง
ห้าวันต่อมา
ก็เริ่มแสดงอาการหวาดระแวงอย่างรุนแรง หยุดพูดสนทนากัน แล้วเริ่มสลับกันมากระซิบที่ไมโครโฟน และส่องดูตัวเองผ่านหน้าต่างที่มีอยู่อันเดียวในห้องนั้น นักโทษทั้งหมดคิดว่าพวกเขาจะถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระ ถ้าพวกเขาไม่ยุ่งกับพวกเดียวกันแล้วมาเข้าฝั่งเดียวกันกับรัสเซีย ในตอนแรกนั้นนักวิจัยคิดว่าอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากแก๊สที่ทำให้นักโทษไม่ นอนหลับก็เป็นได้
เก้าวันต่อมา
นักโทษหนึ่งในห้าเริ่มกรีดร้อง วิ่งไปมุมห้องกรีดร้องซ้ำไปซ้ำมาอย่างสุดเสียงเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง จนเหมือนกล่องเสียงจะฉีกขาด และพวกเขายังคงเข้าไปกระซิบที่ไมโครโฟน จนกระทั่งนักโทษคนที่สองเริ่มที่จะ กรีดร้อง นักโทษคนอื่นเริ่มละเลงหนังสือทีละหน้าทีละหน้าด้วยอุจจาระของเขา แล้วเอามันไปแปะที่หน้าต่างอย่างใจเย็น
วันที่ 14
ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดเข้าไมโครโฟน นักทดลองได้ใช้เครื่องติดต่อภายในโดย หวังว่าจะได้รับการตอบรับจากนักโทษ ซึ่งพวกเขาเกรงว่านักโทษได้ตายไปแล้วนักทดลองได้พูดไปว่า “พวกเราจะเปิดห้องทดลองเพื่อตรวจไมโครโฟน ถอยห่างออกไปจากประตูแล้วนอนราบลงไปกับพื้นไม่งั้นพวกคุณโดนยิงแน่ พวกคุณควรยอมเชื่อฟังทุกอย่างจะทำให้พวกคุณเป็นอิสระได้ในไม่ช้านี้แน่นอน” และแล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น นักโทษคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “พวกเราไม่อยากถูกปล่อยตัวอีกแล้วล่ะ”
หลังจากห้องทดลองถูกเปิดออกมา ห้องที่เต็มไปด้วยแก๊สต่างๆก็หมดไปมีอากาศบริสุทธิ์เข้ามาแทน ทันใดนั้นก็มีเสียงขอร้องให้นักทดลองนั่นเอาแก๊สเข้ามาในห้องเหมือนเดิม ทหารเริ่มเข้าไปดูอาการนักโทษ 4ใน 5 ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่สภาพดูเหมือนคนไม่มีชีวิตด้วยซ้ำ !
ความจริงก็คืออาหารได้หมดลงตั้งแต่ 5 วันแรก ทหารได้พบก้อนเนื้อต้นขาของนักโทษที่ตายไปแล้ว หน้าอกถูกทิ้งไว้ที่ท่อระบายน้ำตรงกลางของห้องทดลอง น้ำได้ผสมกับเลือดไปทั่วห้อง นักโทษทุกคน “ที่รอดชีวิต” มีชิ้นส่วนอวัยวะ และผิวหนังที่ถูกฉีกออกไปจากร่าง ของพวกเขาเอง นักทดลองเห็นกระดูกที่โผล่ออกมาจากปลายนิ้วซึ่งแผลนั้นดูเหมือนจะเป็นรอยฟัน ของพวกเขาเอง
อวัยวะเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารของนักโทษทั้งสี่นั้นถูกเอาออกไปเกือบหมด แต่หัวใจ ปอดและกะบังลมยังคงอยู่ ผิวหนัง และกล้ามเนื้อที่ติดกับกระดูกก็ได้ถูกฉีกออกไป เผยให้เห็นปอด ซี่โครง เส้นเลือดต่างๆยังอยู่ครบถ้วน พวกเขานอนอยู่กับพื้น คว้านท้องเผยให้เห็นว่าระบบย่อยอาหารของนักโทษทั้งสี่คนยังทำงานได้เป็นปกติ เห็นข้างในว่าพวกเขาได้ย่อยอวัยวะของพวกเขาเองซึ่งตัดออกมากินลงไปตั้งแต่ วันที่อาหารหมดแล้วนั่นเอง
และเรื่องราวสุดสยองก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะ ระหว่างนักโทษที่เป็นหนูทดลองกับทหาร ทหารที่คุมขังนักโทษได้เสียชีวิตจากการโดนกัดคอ ฉีกลูกอัณฑะ เส้นเลือดขาขาดจากฟันของนักโทษที่เป็นหนูทดลอง
และเมื่อนำตัวนักโทษมาผ่าตัดเพื่อที่จะนำอวัยวะกลับเข้าไปในร่างกาย แต่ร่างกายของนักโทษกลับต่อต้านยานอนหลับ เขาดิ้นรนอย่างรุนแรงกับที่รัดตัวระหว่างที่ทีมแพทย์กำลังจะฉีดยาชาเข้าไป นักโทษคนนั้นพยายามที่จะฉีกยางหนังรัดที่พันธนาการร่างของเขา แพทย์จึงฉีดยาชาเข้าไปมากกว่าเดิม ทันใดนั้นตาของนักโทษก็ปิดลง หัวใจหยุดเต้น ศพจึงนำไปชันสูตร แล้วพบว่าเลือดของนักโทษคนนี้มีระดับปริมาณออกซิเจนมากกว่าคนปกติถึงสามเท่า
นักโทษที่เหลือเริ่มกรีดร้องจนกล่องเสียงขาด ได้แต่ส่ายหัวไปมาระหว่างทำการผ่าตัด แต่ว่าครั้งนี้ทีมแพทย์จะลองผ่าตัด โดยไม่ใส่ยาชา แต่นักโทษก็ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรระหว่างหกชั่วโมงในการนำอวัยวะกลับเข้าร่าง กายแล้วปิดทับด้วยผิวหนังที่เหลืออยู่ของนักโทษคนนั้น มีความเป็นไปได้ทางการแพทย์ที่นักโทษคนนี้ที่จะมีชีวิตอยู่ พยาบาลคนนึงที่ได้อยู่ในการผ่าตัดครั้งนั้นได้บอกว่าเธอเห็นปากของนักโทษคน นั้นหงิกงอจนดูเหมือนเค้ากำลังยิ้มอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่นักโทษคนนั้นมองหน้าเธอ
ส่วนนักโทษ 2 คนสุดท้าย ได้รับการผ่าตัด หลังจากถูกฉีดยาที่ให้เป็นอัมพาตแล้วนักโทษก็เพียงแค่จ้องตานักทดลองเท่า นั้น หลังผ่าตัดเสร็จ นักโทษกลับมาพูดได้ดังเดิมแล้วเริ่มถามหาแก๊สนั้นอีก ทางด้านนักทดลองถามนักโทษว่าทำไมนักโทษถึงต้องทรมานตนเอง ทั้งเรื่องที่ควักเอาไส้ในออกมาและเรื่องที่เอาแต่ร้องขอให้แก๊สกลับมา นักโทษคนนึงตอบกลับมาว่า “ยังไงพวกเราก็จะไม่มีทางหลับเด็ดขาด”
ผู้บังคับบัญชาทหารอยากจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้านักโทษนั้นกลับไปในห้อง แล้วปล่อยแก๊สชนิดนั้นอีกครั้งนึง และทุกคนรู้สึกแปลกใจที่นักโทษที่เหลือไม่ต่อต้านที่จะกลับเข้าไปในห้อง ทดลองนั้น ผลการตรวจไฟฟ้าคลื่นสมองของนักทดลองนั้นสร้างความประหลาดใจอย่างมาก คลื่นสมองส่วนใหญ่เหมือนคนปกติแต่บางครั้งก็เป็นเส้นตรงขึ้นมาอย่างลึกลับ มันดูเหมือนกับว่านักโทษแกล้งทำเป็นสมองตาย และกลับมาให้มีชีวิตใหม่ได้ เมื่อพวกเขามองไปที่กระดาษที่บันทึกคลื่นสมองนั้น นางพยาบาลคนนึงเห็นว่าตาของนักโทษที่กระพริบตาคนนั้นปิดลงเวลาเดียวกับที่ หัวของเขากลับไปที่หมอน ก่อนที่เส้นกราฟกลายเป็นเส้นตรงยาวต่อเนื่อง จากนั้นหัวใจของเขาก็หยุดเต้น
ผู้บังคับบัญชาทหารสั่งให้ปิดตายห้องทดลองนั้น ไปพร้อมกับนักโทษ แต่นักทดลองรายหนึ่งได้ชักปืนออกมาแล้วยิงไปที่ผู้บังคับบัญชา และยิงนักโทษทิ้งทีละคน จนถึงคนสุดท้าย นักทดลองคนนั้นก็ถามนักโทษว่า “มึงเป็นใครกันแน่”
นักโทษคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า
“คุณลืมไปแล้วยังงั้นหรือ? ” นักโทษถาม ” พวกเราคือคุณ พวกเราคือความคลุ้มมคลั่งที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณทุกคน ต้องการที่จะเป็นอิสระทุกช่วงขณะอยู่ภายใต้จิตสำนึกของสิ่งมีชีวิต พวกเราคือสิ่งที่คุณจะเงียบและทำเป็นไม่ขยับเมื่อคุณไปหลบอยู่ในสถานที่ๆพวก เราไม่สามารถเข้าไปถึงได้ (เหมือนกับเหยื่อที่หลบการล่าจากผู้ล่า)”นักทดลองคนนั้นเล็งปืนไปที่หัวใจ ของนักโทษแล้วยิง กราฟเครื่องตรวจคลื่นสมองของนักโทษคนนั้นกลายเป็นเส้นตรง นักโทษคนนั้นก็ใช้กำลังที่เหลืออยู่พูดประโยคสุดท้ายออกมาว่า “เกือบที่จะได้เป็น….อิสระ….อยู่แล้วเชียว…”
ว่าด้วยเรื่องการทดลองที่สยองขวัญ และหลอนที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยการทำการทดลองกับนักโทษ 5 นายโดยไม่ให้นอนเป็นเวลา 15 วันโดยใช้แก๊สชนิดหนึ่งเป็นตัวกระตุ้นไม่ให้นอนหลับ พวกเขาถูกกักขังไว้ในสภาพแวดล้อมที่ปิดตายแล้วส่งแก๊สเข้าไปในห้องอย่าง ระมัดระวัง เพิ่อไม่ให้แก๊สนั้นฆ่าพวกเขา ซึ่งเป็นแก๊สที่มีความเข้มข้นสูง พวกเขามีเพียงแค่ไมโครโฟน และหน้าต่างกลมๆหนา 5 นิ้วข้างในห้องเพื่อที่จะใช้สังเกตุการณ์พวกเขา
ห้าวันแรก
นักทดลองได้ให้สัญญาแบบหลอกๆกับนักโทษว่าพวกเขาจะถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ ถ้าสามารถทำการทดลองสำเร็จ และไม่หลับเป็นเวลา 30 วัน พวกเขาได้พูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เจ็บปวดใจในอดีตของพวกเขา แล้วน้ำเสียงของพวกเขาในการ พูดดูหดหู่ เศร้าหมองลงหลังจากสี่วันในการทำการทดลอง
ห้าวันต่อมา
ก็เริ่มแสดงอาการหวาดระแวงอย่างรุนแรง หยุดพูดสนทนากัน แล้วเริ่มสลับกันมากระซิบที่ไมโครโฟน และส่องดูตัวเองผ่านหน้าต่างที่มีอยู่อันเดียวในห้องนั้น นักโทษทั้งหมดคิดว่าพวกเขาจะถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระ ถ้าพวกเขาไม่ยุ่งกับพวกเดียวกันแล้วมาเข้าฝั่งเดียวกันกับรัสเซีย ในตอนแรกนั้นนักวิจัยคิดว่าอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากแก๊สที่ทำให้นักโทษไม่ นอนหลับก็เป็นได้
เก้าวันต่อมา
นักโทษหนึ่งในห้าเริ่มกรีดร้อง วิ่งไปมุมห้องกรีดร้องซ้ำไปซ้ำมาอย่างสุดเสียงเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง จนเหมือนกล่องเสียงจะฉีกขาด และพวกเขายังคงเข้าไปกระซิบที่ไมโครโฟน จนกระทั่งนักโทษคนที่สองเริ่มที่จะ กรีดร้อง นักโทษคนอื่นเริ่มละเลงหนังสือทีละหน้าทีละหน้าด้วยอุจจาระของเขา แล้วเอามันไปแปะที่หน้าต่างอย่างใจเย็น
วันที่ 14
ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดเข้าไมโครโฟน นักทดลองได้ใช้เครื่องติดต่อภายในโดย หวังว่าจะได้รับการตอบรับจากนักโทษ ซึ่งพวกเขาเกรงว่านักโทษได้ตายไปแล้วนักทดลองได้พูดไปว่า “พวกเราจะเปิดห้องทดลองเพื่อตรวจไมโครโฟน ถอยห่างออกไปจากประตูแล้วนอนราบลงไปกับพื้นไม่งั้นพวกคุณโดนยิงแน่ พวกคุณควรยอมเชื่อฟังทุกอย่างจะทำให้พวกคุณเป็นอิสระได้ในไม่ช้านี้แน่นอน” และแล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น นักโทษคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “พวกเราไม่อยากถูกปล่อยตัวอีกแล้วล่ะ”
หลังจากห้องทดลองถูกเปิดออกมา ห้องที่เต็มไปด้วยแก๊สต่างๆก็หมดไปมีอากาศบริสุทธิ์เข้ามาแทน ทันใดนั้นก็มีเสียงขอร้องให้นักทดลองนั่นเอาแก๊สเข้ามาในห้องเหมือนเดิม ทหารเริ่มเข้าไปดูอาการนักโทษ 4ใน 5 ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่สภาพดูเหมือนคนไม่มีชีวิตด้วยซ้ำ !
ความจริงก็คืออาหารได้หมดลงตั้งแต่ 5 วันแรก ทหารได้พบก้อนเนื้อต้นขาของนักโทษที่ตายไปแล้ว หน้าอกถูกทิ้งไว้ที่ท่อระบายน้ำตรงกลางของห้องทดลอง น้ำได้ผสมกับเลือดไปทั่วห้อง นักโทษทุกคน “ที่รอดชีวิต” มีชิ้นส่วนอวัยวะ และผิวหนังที่ถูกฉีกออกไปจากร่าง ของพวกเขาเอง นักทดลองเห็นกระดูกที่โผล่ออกมาจากปลายนิ้วซึ่งแผลนั้นดูเหมือนจะเป็นรอยฟัน ของพวกเขาเอง
อวัยวะเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารของนักโทษทั้งสี่นั้นถูกเอาออกไปเกือบหมด แต่หัวใจ ปอดและกะบังลมยังคงอยู่ ผิวหนัง และกล้ามเนื้อที่ติดกับกระดูกก็ได้ถูกฉีกออกไป เผยให้เห็นปอด ซี่โครง เส้นเลือดต่างๆยังอยู่ครบถ้วน พวกเขานอนอยู่กับพื้น คว้านท้องเผยให้เห็นว่าระบบย่อยอาหารของนักโทษทั้งสี่คนยังทำงานได้เป็นปกติ เห็นข้างในว่าพวกเขาได้ย่อยอวัยวะของพวกเขาเองซึ่งตัดออกมากินลงไปตั้งแต่ วันที่อาหารหมดแล้วนั่นเอง
และเรื่องราวสุดสยองก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะ ระหว่างนักโทษที่เป็นหนูทดลองกับทหาร ทหารที่คุมขังนักโทษได้เสียชีวิตจากการโดนกัดคอ ฉีกลูกอัณฑะ เส้นเลือดขาขาดจากฟันของนักโทษที่เป็นหนูทดลอง
และเมื่อนำตัวนักโทษมาผ่าตัดเพื่อที่จะนำอวัยวะกลับเข้าไปในร่างกาย แต่ร่างกายของนักโทษกลับต่อต้านยานอนหลับ เขาดิ้นรนอย่างรุนแรงกับที่รัดตัวระหว่างที่ทีมแพทย์กำลังจะฉีดยาชาเข้าไป นักโทษคนนั้นพยายามที่จะฉีกยางหนังรัดที่พันธนาการร่างของเขา แพทย์จึงฉีดยาชาเข้าไปมากกว่าเดิม ทันใดนั้นตาของนักโทษก็ปิดลง หัวใจหยุดเต้น ศพจึงนำไปชันสูตร แล้วพบว่าเลือดของนักโทษคนนี้มีระดับปริมาณออกซิเจนมากกว่าคนปกติถึงสามเท่า
นักโทษที่เหลือเริ่มกรีดร้องจนกล่องเสียงขาด ได้แต่ส่ายหัวไปมาระหว่างทำการผ่าตัด แต่ว่าครั้งนี้ทีมแพทย์จะลองผ่าตัด โดยไม่ใส่ยาชา แต่นักโทษก็ไม่แสดงปฏิกิริยาอะไรระหว่างหกชั่วโมงในการนำอวัยวะกลับเข้าร่าง กายแล้วปิดทับด้วยผิวหนังที่เหลืออยู่ของนักโทษคนนั้น มีความเป็นไปได้ทางการแพทย์ที่นักโทษคนนี้ที่จะมีชีวิตอยู่ พยาบาลคนนึงที่ได้อยู่ในการผ่าตัดครั้งนั้นได้บอกว่าเธอเห็นปากของนักโทษคน นั้นหงิกงอจนดูเหมือนเค้ากำลังยิ้มอยู่หลายครั้ง ทุกครั้งที่นักโทษคนนั้นมองหน้าเธอ
ส่วนนักโทษ 2 คนสุดท้าย ได้รับการผ่าตัด หลังจากถูกฉีดยาที่ให้เป็นอัมพาตแล้วนักโทษก็เพียงแค่จ้องตานักทดลองเท่า นั้น หลังผ่าตัดเสร็จ นักโทษกลับมาพูดได้ดังเดิมแล้วเริ่มถามหาแก๊สนั้นอีก ทางด้านนักทดลองถามนักโทษว่าทำไมนักโทษถึงต้องทรมานตนเอง ทั้งเรื่องที่ควักเอาไส้ในออกมาและเรื่องที่เอาแต่ร้องขอให้แก๊สกลับมา นักโทษคนนึงตอบกลับมาว่า “ยังไงพวกเราก็จะไม่มีทางหลับเด็ดขาด”
ผู้บังคับบัญชาทหารอยากจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้านักโทษนั้นกลับไปในห้อง แล้วปล่อยแก๊สชนิดนั้นอีกครั้งนึง และทุกคนรู้สึกแปลกใจที่นักโทษที่เหลือไม่ต่อต้านที่จะกลับเข้าไปในห้อง ทดลองนั้น ผลการตรวจไฟฟ้าคลื่นสมองของนักทดลองนั้นสร้างความประหลาดใจอย่างมาก คลื่นสมองส่วนใหญ่เหมือนคนปกติแต่บางครั้งก็เป็นเส้นตรงขึ้นมาอย่างลึกลับ มันดูเหมือนกับว่านักโทษแกล้งทำเป็นสมองตาย และกลับมาให้มีชีวิตใหม่ได้ เมื่อพวกเขามองไปที่กระดาษที่บันทึกคลื่นสมองนั้น นางพยาบาลคนนึงเห็นว่าตาของนักโทษที่กระพริบตาคนนั้นปิดลงเวลาเดียวกับที่ หัวของเขากลับไปที่หมอน ก่อนที่เส้นกราฟกลายเป็นเส้นตรงยาวต่อเนื่อง จากนั้นหัวใจของเขาก็หยุดเต้น
ผู้บังคับบัญชาทหารสั่งให้ปิดตายห้องทดลองนั้น ไปพร้อมกับนักโทษ แต่นักทดลองรายหนึ่งได้ชักปืนออกมาแล้วยิงไปที่ผู้บังคับบัญชา และยิงนักโทษทิ้งทีละคน จนถึงคนสุดท้าย นักทดลองคนนั้นก็ถามนักโทษว่า “มึงเป็นใครกันแน่”
นักโทษคนนั้นยิ้มแล้วพูดว่า
“คุณลืมไปแล้วยังงั้นหรือ? ” นักโทษถาม ” พวกเราคือคุณ พวกเราคือความคลุ้มมคลั่งที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณทุกคน ต้องการที่จะเป็นอิสระทุกช่วงขณะอยู่ภายใต้จิตสำนึกของสิ่งมีชีวิต พวกเราคือสิ่งที่คุณจะเงียบและทำเป็นไม่ขยับเมื่อคุณไปหลบอยู่ในสถานที่ๆพวก เราไม่สามารถเข้าไปถึงได้ (เหมือนกับเหยื่อที่หลบการล่าจากผู้ล่า)”นักทดลองคนนั้นเล็งปืนไปที่หัวใจ ของนักโทษแล้วยิง กราฟเครื่องตรวจคลื่นสมองของนักโทษคนนั้นกลายเป็นเส้นตรง นักโทษคนนั้นก็ใช้กำลังที่เหลืออยู่พูดประโยคสุดท้ายออกมาว่า “เกือบที่จะได้เป็น….อิสระ….อยู่แล้วเชียว…”
อย่าให้เผลอแล้วกัน ไม่งั้นเจอตากล้องจอมหื่นเเชะซะเลย - 9ZeanHotPost - 9เซียนสุดยอดนักโพส - 9Zean.Com
http://pixserv.clipmass.com/upload/picture/full/86/bc214005faa37bbcd60e87db943aa587.jpg