สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ก.พ.อ้างข้อมูลจากสถาบันวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ( เพนตากอน ) ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ตั้งแต่ปี 2551 และเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย มีอาการของโรคแอสเพอร์เกอร์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มหนึ่งของโรคออทิสติก โดยเป็นความผิดปกติในการทำงานของระบบประสาท และส่งผลต่อการแสดงพฤติกรรม
ทั้งนี้ ทีมงานของเพนตากอนศึกษาการแสดงทางอารมณ์ผ่านสีหน้า ท่าทางและการเคลื่อนไหวของผู้นำรัสเซีย ผ่านคลิปวีดีโอจำนวนมาก ซึ่งนำไปสู่การตั้งสมมติฐานว่า ปูตินมีปัญหาในพัฒนาการทางระบบประสาทตั้งแต่วัยทารก ส่งผลต่อการรักษาสมดุลในการเคลื่อนไหว และทำให้ปูตินแสดงออกอย่างอึดอัด เมื่อต้องมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในสังคม และเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจในภาวะวิกฤติด้วย เนื่องจากปูตินต้องควบคุมตัวเองมากกว่าผู้นำโลกคนอื่น ซึ่งประสบกับภาวะคับขันในลักษณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เพนตากอนย้ำว่า รายงานฉบับดังกล่าวเป็นเพียงผลจากการวิเคราะห์ตามข้อมูลที่มีอยู่เท่านั้น ซึ่งอาจเป็นไปตามนั้นหรือได้รับการหักล้างได้ หากมีการเผยผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองของผู้นำรัสเซีย
แม้อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช แห่งสหรัฐ เคยกล่าวว่าแววตาของปูตินให้ความรู้สึกเหมือนการมองลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณของคู่สนทนา แต่รายงานชิ้นนี้ของเพนตากอนวิเคราะห์ว่า แววตาอันเย็นชาของผู้นำรัสเซียเป็นผลจากความผิดปกติของระบบประสาท
พ.ท.หญิง วาเลอรี เฮนเดอร์สัน โฆษกหญิงของเพนตากอน แถลงปฏิเสธการจัดทำรายงานฉบับนี้ว่า เป็นเพียงงานวิจัยของเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอนไม่เคยได้อ่านหรือได้รับรายงานเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าว
สำนักข่าวWiFi Phitsanulok
ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-02-06 18:02:33
เวลาโพส2015-02-06 18:02:33
สหรัฐวิเคราะห์ปูตินผิดปกติทางพฤติกรรม
http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/956164.jpeg
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ก.พ.อ้างข้อมูลจากสถาบันวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ( เพนตากอน ) ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ตั้งแต่ปี 2551 และเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย มีอาการของโรคแอสเพอร์เกอร์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มหนึ่งของโรคออทิสติก โดยเป็นความผิดปกติในการทำงานของระบบประสาท และส่งผลต่อการแสดงพฤติกรรม
ทั้งนี้ ทีมงานของเพนตากอนศึกษาการแสดงทางอารมณ์ผ่านสีหน้า ท่าทางและการเคลื่อนไหวของผู้นำรัสเซีย ผ่านคลิปวีดีโอจำนวนมาก ซึ่งนำไปสู่การตั้งสมมติฐานว่า ปูตินมีปัญหาในพัฒนาการทางระบบประสาทตั้งแต่วัยทารก ส่งผลต่อการรักษาสมดุลในการเคลื่อนไหว และทำให้ปูตินแสดงออกอย่างอึดอัด เมื่อต้องมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในสังคม และเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจในภาวะวิกฤติด้วย เนื่องจากปูตินต้องควบคุมตัวเองมากกว่าผู้นำโลกคนอื่น ซึ่งประสบกับภาวะคับขันในลักษณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เพนตากอนย้ำว่า รายงานฉบับดังกล่าวเป็นเพียงผลจากการวิเคราะห์ตามข้อมูลที่มีอยู่เท่านั้น ซึ่งอาจเป็นไปตามนั้นหรือได้รับการหักล้างได้ หากมีการเผยผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองของผู้นำรัสเซีย
แม้อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช แห่งสหรัฐ เคยกล่าวว่าแววตาของปูตินให้ความรู้สึกเหมือนการมองลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณของคู่สนทนา แต่รายงานชิ้นนี้ของเพนตากอนวิเคราะห์ว่า แววตาอันเย็นชาของผู้นำรัสเซียเป็นผลจากความผิดปกติของระบบประสาท
พ.ท.หญิง วาเลอรี เฮนเดอร์สัน โฆษกหญิงของเพนตากอน แถลงปฏิเสธการจัดทำรายงานฉบับนี้ว่า เป็นเพียงงานวิจัยของเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอนไม่เคยได้อ่านหรือได้รับรายงานเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าว
สำนักข่าวWiFi Phitsanulok
ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-02-06 18:02:33
เวลาโพส2015-02-06 18:02:33
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ก.พ.อ้างข้อมูลจากสถาบันวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ( เพนตากอน ) ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลมาวิเคราะห์ตั้งแต่ปี 2551 และเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย มีอาการของโรคแอสเพอร์เกอร์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มหนึ่งของโรคออทิสติก โดยเป็นความผิดปกติในการทำงานของระบบประสาท และส่งผลต่อการแสดงพฤติกรรม
ทั้งนี้ ทีมงานของเพนตากอนศึกษาการแสดงทางอารมณ์ผ่านสีหน้า ท่าทางและการเคลื่อนไหวของผู้นำรัสเซีย ผ่านคลิปวีดีโอจำนวนมาก ซึ่งนำไปสู่การตั้งสมมติฐานว่า ปูตินมีปัญหาในพัฒนาการทางระบบประสาทตั้งแต่วัยทารก ส่งผลต่อการรักษาสมดุลในการเคลื่อนไหว และทำให้ปูตินแสดงออกอย่างอึดอัด เมื่อต้องมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในสังคม และเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจในภาวะวิกฤติด้วย เนื่องจากปูตินต้องควบคุมตัวเองมากกว่าผู้นำโลกคนอื่น ซึ่งประสบกับภาวะคับขันในลักษณะเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เพนตากอนย้ำว่า รายงานฉบับดังกล่าวเป็นเพียงผลจากการวิเคราะห์ตามข้อมูลที่มีอยู่เท่านั้น ซึ่งอาจเป็นไปตามนั้นหรือได้รับการหักล้างได้ หากมีการเผยผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองของผู้นำรัสเซีย
แม้อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช แห่งสหรัฐ เคยกล่าวว่าแววตาของปูตินให้ความรู้สึกเหมือนการมองลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณของคู่สนทนา แต่รายงานชิ้นนี้ของเพนตากอนวิเคราะห์ว่า แววตาอันเย็นชาของผู้นำรัสเซียเป็นผลจากความผิดปกติของระบบประสาท
พ.ท.หญิง วาเลอรี เฮนเดอร์สัน โฆษกหญิงของเพนตากอน แถลงปฏิเสธการจัดทำรายงานฉบับนี้ว่า เป็นเพียงงานวิจัยของเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งเท่านั้น และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอนไม่เคยได้อ่านหรือได้รับรายงานเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าว
สำนักข่าวWiFi Phitsanulok
ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-02-06 18:02:33
เวลาโพส2015-02-06 18:02:33
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น