เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายอิศรา นานาวิชิต หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ พ.ต.อ.วรพงค์ คำลือ ผกก.สส. 3 บก.สส.ภ.5 หัวหน้าชุดศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรี ตำรวจภูธรภาค 5 บุกเข้าตรวจสอบร้านขายของชำเลขที่ 40/3 ถนนพัฒนาช้างเผือก ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งว่า มีการลักลอบเปิดเป็นคลินิกเสริมความงามโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการเข้าตรวจสอบพบว่า ร้านดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำบังหน้า ส่วนชั้นที่ 2 เปิดสถานที่ให้บริการด้านความงาม โดยเจ้าหน้าที่พบเตียงสำหรับลูกค้า จำนวน 2 เตียง และยาประเภทสารกลูตาไธโอน ยาพลาเซนต้า และสเต็มเซลล์ รวมกว่าร้อยรายการ ซึ่งยาทั้งหมดไม่มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย และยังพบว่ามีการใช้ยาบางชนิดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ นำมาใช้ฉีดหน้าให้ขาวใสเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จึงควบคุมตัว น.ส.พิมพ์ฤทัย ทองประเสริฐ อายุ 31 ปี เจ้าของคลินิก มาสอบสวน
เบื้องต้น น.ส.พิมพ์ฤทัย รับสารภาพว่า เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้ไปทำงานในคลินิกเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งมานานกว่า 5 ปี จนพอมีประสบการณ์ จึงได้ลาออกมาเปิดคลินิกเสริมความงามขึ้นเองโดยไม่เคยเรียนจบด้านการแพทย์มาเลย เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า ทั้งฉีดโบท็อกซ์ ทำเมโสหน้าใส และฉีดสเต็มเซลล์ คิดค่าบริการครั้งละ 4,500 บาท โดยจะโฆษณาหาลูกค้าผ่านทางเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “คุณนายไหมละลาย” ซึ่งเปิดให้บริการมาได้กว่า 1 ปีแล้ว มีลูกค้ามาใช้บริการกว่า 100 คน ส่วนยาที่นำมาใช้ได้สั่งซื้อมาจากเซลล์ขายยาคนหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครเป็นอันตราย และยังไม่เคยถูกลูกค้าร้องเรียนเลยสักครั้ง ขณะที่ นพ.บุญเรือง เปิดเผยหลังการจับกุมว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ถือเป็นคลินิกเถื่อน ผู้ประกอบกิจการก็ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และยาที่พบก็ไม่ได้ขึ้นทะเบียนยาอย่างถูกต้องกับทาง อย. ซึ่งการใช้สารเหล่านี้ในการเสริมความงามถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง หากมีอาการแทรกซ้อนอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งในรายนี้มีความผิดฐานประกอบสถานพยาบาลเถื่อน และความผิด พ.ร.บ.ยา ซึ่งมีความร้ายแรง มีโทษทั้งจำและปรับ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพฯ จะเดินหน้าตรวจสอบและเข้าจับกุมคลินิกเหล่านี้ ที่ยังมีอยู่อีกหลายแห่งทั่วประเทศ.
สำนักข่าวWiFi Phitsanulok
ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-02-06 23:54:10
เวลาโพส2015-02-06 23:54:10
จับสาวลอบเปิดคลินิกเสริมความงามเถื่อน
http://www.dailynews.co.th/imagecache/670x490/cover/956633.jpeg
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายอิศรา นานาวิชิต หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ พ.ต.อ.วรพงค์ คำลือ ผกก.สส. 3 บก.สส.ภ.5 หัวหน้าชุดศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรี ตำรวจภูธรภาค 5 บุกเข้าตรวจสอบร้านขายของชำเลขที่ 40/3 ถนนพัฒนาช้างเผือก ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งว่า มีการลักลอบเปิดเป็นคลินิกเสริมความงามโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการเข้าตรวจสอบพบว่า ร้านดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำบังหน้า ส่วนชั้นที่ 2 เปิดสถานที่ให้บริการด้านความงาม โดยเจ้าหน้าที่พบเตียงสำหรับลูกค้า จำนวน 2 เตียง และยาประเภทสารกลูตาไธโอน ยาพลาเซนต้า และสเต็มเซลล์ รวมกว่าร้อยรายการ ซึ่งยาทั้งหมดไม่มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย และยังพบว่ามีการใช้ยาบางชนิดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ นำมาใช้ฉีดหน้าให้ขาวใสเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จึงควบคุมตัว น.ส.พิมพ์ฤทัย ทองประเสริฐ อายุ 31 ปี เจ้าของคลินิก มาสอบสวน
เบื้องต้น น.ส.พิมพ์ฤทัย รับสารภาพว่า เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้ไปทำงานในคลินิกเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งมานานกว่า 5 ปี จนพอมีประสบการณ์ จึงได้ลาออกมาเปิดคลินิกเสริมความงามขึ้นเองโดยไม่เคยเรียนจบด้านการแพทย์มาเลย เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า ทั้งฉีดโบท็อกซ์ ทำเมโสหน้าใส และฉีดสเต็มเซลล์ คิดค่าบริการครั้งละ 4,500 บาท โดยจะโฆษณาหาลูกค้าผ่านทางเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “คุณนายไหมละลาย” ซึ่งเปิดให้บริการมาได้กว่า 1 ปีแล้ว มีลูกค้ามาใช้บริการกว่า 100 คน ส่วนยาที่นำมาใช้ได้สั่งซื้อมาจากเซลล์ขายยาคนหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครเป็นอันตราย และยังไม่เคยถูกลูกค้าร้องเรียนเลยสักครั้ง ขณะที่ นพ.บุญเรือง เปิดเผยหลังการจับกุมว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ถือเป็นคลินิกเถื่อน ผู้ประกอบกิจการก็ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และยาที่พบก็ไม่ได้ขึ้นทะเบียนยาอย่างถูกต้องกับทาง อย. ซึ่งการใช้สารเหล่านี้ในการเสริมความงามถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง หากมีอาการแทรกซ้อนอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งในรายนี้มีความผิดฐานประกอบสถานพยาบาลเถื่อน และความผิด พ.ร.บ.ยา ซึ่งมีความร้ายแรง มีโทษทั้งจำและปรับ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพฯ จะเดินหน้าตรวจสอบและเข้าจับกุมคลินิกเหล่านี้ ที่ยังมีอยู่อีกหลายแห่งทั่วประเทศ.
สำนักข่าวWiFi Phitsanulok
ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-02-06 23:54:10
เวลาโพส2015-02-06 23:54:10
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายอิศรา นานาวิชิต หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ พ.ต.อ.วรพงค์ คำลือ ผกก.สส. 3 บก.สส.ภ.5 หัวหน้าชุดศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรี ตำรวจภูธรภาค 5 บุกเข้าตรวจสอบร้านขายของชำเลขที่ 40/3 ถนนพัฒนาช้างเผือก ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังรับแจ้งว่า มีการลักลอบเปิดเป็นคลินิกเสริมความงามโดยไม่ได้รับอนุญาต จากการเข้าตรวจสอบพบว่า ร้านดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำบังหน้า ส่วนชั้นที่ 2 เปิดสถานที่ให้บริการด้านความงาม โดยเจ้าหน้าที่พบเตียงสำหรับลูกค้า จำนวน 2 เตียง และยาประเภทสารกลูตาไธโอน ยาพลาเซนต้า และสเต็มเซลล์ รวมกว่าร้อยรายการ ซึ่งยาทั้งหมดไม่มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย และยังพบว่ามีการใช้ยาบางชนิดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ นำมาใช้ฉีดหน้าให้ขาวใสเป็นครั้งแรกในประเทศไทย จึงควบคุมตัว น.ส.พิมพ์ฤทัย ทองประเสริฐ อายุ 31 ปี เจ้าของคลินิก มาสอบสวน
เบื้องต้น น.ส.พิมพ์ฤทัย รับสารภาพว่า เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้ไปทำงานในคลินิกเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งมานานกว่า 5 ปี จนพอมีประสบการณ์ จึงได้ลาออกมาเปิดคลินิกเสริมความงามขึ้นเองโดยไม่เคยเรียนจบด้านการแพทย์มาเลย เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า ทั้งฉีดโบท็อกซ์ ทำเมโสหน้าใส และฉีดสเต็มเซลล์ คิดค่าบริการครั้งละ 4,500 บาท โดยจะโฆษณาหาลูกค้าผ่านทางเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า "คุณนายไหมละลาย" ซึ่งเปิดให้บริการมาได้กว่า 1 ปีแล้ว มีลูกค้ามาใช้บริการกว่า 100 คน ส่วนยาที่นำมาใช้ได้สั่งซื้อมาจากเซลล์ขายยาคนหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครเป็นอันตราย และยังไม่เคยถูกลูกค้าร้องเรียนเลยสักครั้ง ขณะที่ นพ.บุญเรือง เปิดเผยหลังการจับกุมว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ถือเป็นคลินิกเถื่อน ผู้ประกอบกิจการก็ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม และยาที่พบก็ไม่ได้ขึ้นทะเบียนยาอย่างถูกต้องกับทาง อย. ซึ่งการใช้สารเหล่านี้ในการเสริมความงามถือว่าอันตรายอย่างยิ่ง หากมีอาการแทรกซ้อนอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งในรายนี้มีความผิดฐานประกอบสถานพยาบาลเถื่อน และความผิด พ.ร.บ.ยา ซึ่งมีความร้ายแรง มีโทษทั้งจำและปรับ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพฯ จะเดินหน้าตรวจสอบและเข้าจับกุมคลินิกเหล่านี้ ที่ยังมีอยู่อีกหลายแห่งทั่วประเทศ.
สำนักข่าวWiFi Phitsanulok
ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th
เวลาโพส2015-02-06 23:54:10
เวลาโพส2015-02-06 23:54:10
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น