ตำรวจสากลชี้หลายประเทศเมินใช้ข้อมูลพาสปอร์ตที่ถูกขโมย

 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ  ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ว่า นายโรนัลด์ โนเบล เลขาธิการองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศหรือตำรวจสากลกล่าวว่า มีประเทศในโลกเพียงไม่ถึง 10 ประเทศ ที่ใช้บริการฐานข้อมูลหนังสือเดินทางที่เคยถูกขโมยหรือสูญหาย(เอสแอลทีดี)ซึ่งตำรวจสากลได้ทำการรวบรวมไว้กว่า 42 ล้านข้อมูล จากจำนวน 167 ประเทศทั่วโลก

    ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ที่เดินทางไป-มาระหว่างประเทศโดยการโดยสารเครื่องบินจำนวน 1,200 ล้านคนในปี 2556 อย่างน้อยหนึ่งในสามส่วนไม่เคยได้รับการตรวจกับฐานข้อมูลเอสแอลทีดีมาก่อน

    นายโนเบลกล่าวว่า การตรวจสอบข้อมูลเริ่มมีมากขึ้น หลังเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่เอ็มเอช 370 หายไปอย่างลึกลับและยังหาไม่พบตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยบนเครื่องบินมีผู้โดยสารชาวอิหร่าน 2 คน ที่ตำรวจสามารถตรวจสอบได้ว่า ใช้หนังสือเดินทางที่ขโมยมาในการเดินทางข้ามประเทศ ภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้อีกว่า ทั้งสองเป็นผู้ลี้ภัยที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายและอาจเกี่ยวข้องกับการไฮแจ็คเครื่องบินเคราะห์ร้าย เป็นต้นเหตุให้ทางการมาเลเซียถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า สะเพร่าในการตรวจสอบข้อมูลผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศของตน

    อย่างไรก็ตาม นายโนเบลเปิดเผยว่า แม้จะมีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นแต่ประเทศส่วนใหญ่ก็ยังไม่ให้ความสำคัญกับการตรวจข้อมูลผู้เดินทางเข้า-ออกประเทศอยู่ดี ทั้งนี้ หนังสือเดินทางที่ถูกขโมยหรือหายไปนั้นมักตกอยู่ในมือขององค์กรการก่อการร้าย ซึ่งสหประชาชาติ(ยูเอ็น)เองก็ส่งเสริมให้รัฐบาลทั่วโลกหันมาตรวจสอบข้อมูลคนเข้า-ออกประเทศกับตำรวจสากล

สำนักข่าวWiFi Phitsanulok

ขอบคุณที่มาของข่าวโดยdailynews.co.th

เวลาโพส2014-04-26 19:22:14